ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 27 มกราคม 2566  (อ่าน 115 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84444
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 205.57 จุด รับ GDP สหรัฐโตเกินคาด
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 2566)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (26 ม.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2565 ที่สูงเกินคาด ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,949.41 จุด เพิ่มขึ้น 205.57 จุด หรือ +0.61%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,060.43 จุด เพิ่มขึ้น 44.21 จุด หรือ +1.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,512.41 จุด เพิ่มขึ้น 199.06 จุด หรือ +1.76%
          กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการ GDP ไตรมาส 4/2565 ครั้งที่ 1 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.8% หลังจากขยายตัว 3.2% ในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงสิ้นปี 2565
          แครอล เชลฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท BMO Family Office กล่าวว่า  ตัวเลข GDP ที่ออกมาดีเกินคาดสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่งแม้ถูกกระทบจากการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ตลาดขานรับข้อมูล GDP เพราะมองว่านี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่านโยบายการเงินของเฟดทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นไป (ซอฟต์แลนดิ้ง) ไม่ใช่ถดถอยลง
          นอกเหนือจากตัวเลข GDP แล้ว ตลาดยังขานรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 2.3% สู่ระดับ 616,000 ยูนิตในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5%
          หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.32% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 2.03% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวลง 0.28%
          หุ้นเทสลาทะยานขึ้น 10.97% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2565 ที่ระดับ 1.19 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.13 ดอลลาร์ นอกจากนี้ นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เทสลาจะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 2 ล้านคันในปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
          หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 4.9% หลังบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มการจ่ายเงินปันผลจาก 1.42 ดอลลาร์ต่อหุ้น เป็น 1.51 ดอลลาร์ต่อหุ้น
          หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (ไอบีเอ็ม) ร่วงลง 4.5% หลังบริษัทประกาศปลดพนักงาน 3,900 ตำแหน่ง ซึ่งคิดเป็น 1.5% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในองค์กร เนื่องจากผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้า
          หุ้นคอมแคสต์ ซึ่งเป็นสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.77% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2565 ที่ระดับ 82 เซนต์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 77 เซนต์ อย่างไรก็ดี คอมแคสต์เปิดเผยว่า ลูกค้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมีจำนวนลดลง 26,000 ราย เนื่องจากผลกระทบของพายุเฮอริเคนเอียน (Ian) ที่พัดถล่มรัฐฟลอริดาและเซาท์แคโรไลนา และสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนของลูกค้าในภูมิภาคดังกล่าว
          ข้อมูลจากรีฟินิทิฟ (Refinitiv) ระบุว่า ขณะนี้บริษัทกว่า 1 ใน 4 ที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2565 แล้ว โดยในจำนวนนี้มี 69% ที่รายงานผลประกอบการดีเกินคาด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 67% ในวันพุธ (25 ม.ค.)
          นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันนี้  โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค อีกทั้งมีความครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
          นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์หน้า ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
โดย รัตนา พงศ์ทวิช


ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 86 เซนต์ รับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส-จีนเปิดปท.หนุนดีมานด์
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 2566)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (26 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากจีนเปิดประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
          ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.07% ปิดที่ 81.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์ หรือ 1.57% ปิดที่ 87.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
          กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของ GDP ไตรมาส 4/2565 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.8% หลังจากขยายตัว 3.2% ในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงสิ้นปี 2565
          การเปิดเผยตัวเลข GDP ที่ดีเกินคาดช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังจาก GDP หดตัวลง 1.6% ในไตรมาส 1/2565 และหดตัว 0.6% ในไตรมาส 2 ซึ่งทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค
          นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 2.3% สู่ระดับ 616,000 ยูนิตในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5%
          ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 500,000 บาร์เรล สู่ระดับ 448.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล
          จิโอวานนี สตอโนโว นักวิเคราะห์จาก UBS กล่าวว่า จีนประกาศเปิดประเทศทั้งขาเข้าและขาออกในเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นการเปิดพรมแดนครั้งแรกในรอบ 3 ปี และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันให้ฟื้นตัว
          นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า ที่ประชุม JMMC จะมีมติให้โอเปกพลัสคงนโยบายปัจจุบันในการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2566
โดย รัตนา พงศ์ทวิช


ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $12.6 นลท.ขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังข้อมูลศก.แกร่ง
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 2566)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (26 ม.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ
          ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 12.6 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่ 1,930 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 7.9 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 24.02 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 23.1 ดอลลาร์ หรือ 2.21% ปิดที่ 1,023 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 24.10 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 1,663.80 ดอลลาร์/ออนซ์
          นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2565 ขยายตัว 2.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.8% ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5%
          นอกจากนี้ ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.3% สู่ระดับ 616,000 ยูนิต เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 186,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 205,000 ราย
          นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่ง ซึ่งรวมถึงไบรอัน ลันดิน จากบริษัท Gold Newsletter มองว่า สัญญาทองคำปรับตัวลงเนื่องจากตัวเลข GDP สหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดอาจจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป
          ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.19% แตะที่ 101.8360 เมื่อคืนนี้
          ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
โดย รัตนา พงศ์ทวิช