ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 18 มกราคม 2566  (อ่าน 159 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 85104
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 391.76 จุด ผิดหวังผลประกอบการโกลด์แมนแซคส์
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ม.ค. 2566)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (17 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของราคาหุ้นเทสลาเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,910.85 จุด ร่วงลง 391.76 จุด หรือ -1.14%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,990.97 จุด ลดลง 8.12 จุด หรือ -0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,095.11 จุด เพิ่มขึ้น 15.96 จุด หรือ +0.14%
          ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งหลุดจากระดับ 34,000 จุด หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยกำไรและรายได้ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2565 เนื่องจากผลกระทบของรายได้ที่ลดลงในธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจบริหารสินทรัพย์ โดยรายงานดังกล่าวได้ฉุดราคาหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปิดตลาดร่วงลง 6.44%
          ทั้งนี้ กำไรต่อหุ้นของโกลด์แมน แซคส์ ในไตรมาส 4 อยู่ที่ 3.32 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.48 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 1.059 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.083 หมื่นล้านดอลลาร์
          นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดิ่งลงสู่ระดับ -32.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -7 จากระดับ -11.2 ในเดือนธ.ค.
          ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 0 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก อันเนื่องมาจากผลกระทบของอุปสงค์ที่ซบเซา ซึ่งส่งผลให้คำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานของภาคการผลิตในนิวยอร์กชะลอตัวลง
          หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลง 1.07% และดัชนีหุ้นกลุ่มสื่อสารลดลง ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.44%
          ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวกสวนทางภาพรวมของตลาด โดยได้แรงหนุนจากราคาหุ้นเทสลาที่พุ่งขึ้น 7.4% หลังมีรายงานว่ายอดขายรถยนต์เทสลาในประเทศจีนในระหว่างวันที่ 9-15 ม.ค. พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 76% แตะที่ 12,654 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 หลังจากบริษัทปรับลดราคารถยนต์รุ่น Model 3 และ Model Y ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ขายดีของเทสลา
          หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 6.19% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 1.31 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.19 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง
          นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.
โดย รัตนา พงศ์ทวิช

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 32 เซนต์ ขานรับ GDP จีนโตเกินคาด
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ม.ค. 2566)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (17 ม.ค.) หลังจีนเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าการยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
          ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 80.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 85.92 doดอลลาร์/บาร์เรล
          สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ตัวเลข GDP  ปี 2565 ของจีนขยายตัว 3% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2.8% ส่วนในไตรมาส 4 ปี 2565 นั้น ตัวเลข GDP ของจีนขยายตัว 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.8%
          บรูซ ผาง นักวิเคราะห์จากบริษัทโจนส์ แลง ลาซาลล์กล่าวว่า นอกเหนือจากตัวเลข GDP แล้ว จีนยังเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่ดีเกินคาด ซึ่งเพิ่มความคาดหวังที่ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นในปี 2566
          ทั้งนี้ จีนเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมในปี 2565 ปรับตัวขึ้น 3.6% ส่วนในเดือนธ.ค.นั้น การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.3% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์อาจว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.2%
          นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.1% แตะที่ระดับ 102.3770 เมื่อคืนนี้
          อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระหว่างวัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดิ่งลงสู่ระดับ -32.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -7 จากระดับ -11.2 ในเดือนธ.ค.
          ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 0 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก อันเนื่องมาจากผลกระทบของอุปสงค์ที่ซบเซา ซึ่งส่งผลให้คำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานของภาคการผลิตในนิวยอร์กชะลอตัวลง
          ทางด้านไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PwC) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ทั่วโลก โดยระบุว่า ซีอีโอส่วนใหญ่ (73%) ที่เข้าร่วมการสำรวจในครั้งนี้คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงในปี 2566 ซึ่งถือเป็นมุมมองต่อเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ PwC เริ่มทำผลสำรวจในปี 2554
โดย รัตนา พงศ์ทวิช

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง 11.8 ดอลลาร์ จากแรงขายทำกำไร
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ม.ค. 2566)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (17 ม.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ
          ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 11.8 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ 1,909.9 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 30.4 เซนต์ หรือ 1.25% ปิดที่ 24.068 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 25.6 ดอลลาร์ หรือ 2.39% ปิดที่ 1,046.9 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 53.30 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 1,734 ดอลลาร์/ออนซ์
          ชินแทน คานามี นักวิเคราะห์จากบริษัท Insignia Consultants กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ และตลอดสัปดาห์ที่แล้ว สัญญาทองคำพุ่งขึ้นทั้งสิ้น 2.8% โดยปัจจัยหนุนส่วนใหญ่มาจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อในสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
          คานามียังกล่าวด้วยว่า นักลงทุนชะลอการซื้อขายทองคำเมื่อคืนนี้ ก่อนที่จะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันนี้ รวมทั้งการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันนี้เช่นกัน
          นอกจากนี้ คานามีกล่าวว่า นักลงทุนจับตาความต้องการทองคำของจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน และทุกสัญญาณบ่งชี้จากที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
โดย รัตนา พงศ์ทวิช