ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด จูงมือน้ำมันลง ทองสวนยืนบวก  (อ่าน 680 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84548
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก 10.6 ดอลล์ นลท.ช้อนซื้อหลังราคาร่วงหนัก
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (3 มี.ค. 2564)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนครึ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการอ่อนตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 10.6 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่  1,733.6  ดอลลาร์/ออนซ์     
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 20.1 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 26.879 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 23.1 ดอลลาร์ หรือ 1.94% ปิดที่ 1,214.4 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 19.60 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 2,368.60 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากสัญญาทองคำดิ่งลงแตะระดับ 1,723 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563
          นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.422% รวมทั้งดัชนีดอลลาร์ที่ปรับตัวลดลง 0.29% แตะที่ 90.7760 เมื่อคืนนี้
          ทั้งนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลง และมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
          นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค. หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวในแถลงการณ์รอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์ที่แล้วว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน พร้อมกับส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ต่อไปอีกกว่า 3 ปี
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 89 เซนต์ กังวลโอเปกพลัสเพิ่มผลิตน้ำมัน
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (3 มี.ค. 2564)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 60 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (2 มี.ค) โดยได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจจะประกาศเพิ่มกำลังการผลิตในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย
          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 89 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 59.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.ปีนี้
          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 99 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 62.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.ปีนี้
          สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังมีการคาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปกพลัสอาจจะพิจารณาให้ปรับเพิ่มกำลังการผลิต โดยกระแสคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการโอเปก แสดงความเห็นว่า ตลาดน้ำมันมีแนวโน้มที่สดใส ขณะที่ปัจจัยความไม่แน่นอนที่ต่อเนื่องจากปีที่แล้วได้บรรเทาลง นอกจากนี้ นายบาร์คินโดยังเปิดเผยว่า ความคืบหน้าเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียกำลังเป็นปัจจัยหนุนตลาด
          คำกล่าวของนายบาร์คินโดมีขึ้น ก่อนที่กลุ่มโอเปกพลัส จะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตในวันที่ 4 มี.ค.
          ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ที่ประชุมโอเปกพลัสจะมีมติผ่อนคลายมาตรการปรับลดกำลังการผลิตตั้งแต่เดือนเม.ย. เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว โดยคาดว่าโอเปกพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิต 1.3-1.5 ล้านบาร์เรล/วัน
         นักลงทุนยังรอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ก.พ.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--


ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 143.99 จุด นลท.ขายหุ้นเทคโนฯ-จีนเตือนฟองสบู่ตลาดการเงิน
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (3 มี.ค. 2564)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นแอปเปิลและหุ้นเทสลาที่ถูกเทขายอย่างหนัก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินทั่วโลก
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,391.52 จุด ลดลง 143.99 จุด หรือ -0.46% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,870.29 จุด ลดลง 31.53 จุด หรือ -0.81% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,358.79 จุด ลดลง 230.04 จุด หรือ -1.69%
          หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.63% เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเคยได้ประโยชน์จากการที่ประชาชนต้องพึ่งพากิจกรรมออนไลน์ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.09% หุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 2.23% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.3% หุ้นอินเทล ร่วงลง 2.6% หุ้น Nvidia ร่วงลง 3.15% หุ้นเทสลา ดิ่งลง 4.45%
          หุ้น Zoom Video Communications ร่วงลง 9% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 1.22 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 79 เซนต์/หุ้น
          หุ้นกลุ่มวัสดุเป็นหุ้นเพียงกลุ่มเดียวที่ปรับตัวขึ้น ท่ามกลางความหวังที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง โดยหุ้นอัลโค คอร์ป พุ่งขึ้น 5.79% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน เพิ่มขึ้น 0.8%
          ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากนายเกา ชู่ฉิง ประธานคณะกรรมการฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารและการประกันของจีน (CBIRC) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดการเงินในสหรัฐและยุโรปที่อาจเผชิญกับภาวะฟองสบู่แตก เนื่องจากการพุ่งขึ้นของตลาดกำลังอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง และมีแนวโน้มว่าตลาดจะเผชิญกับการปรับฐานในไม่ช้านี้
          หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค (Merck & Co) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.65% หลังมีข่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะขอให้บริษัทเมอร์ค แอนด์ โค เข้าช่วยเหลือบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลสหรัฐในการเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
          หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.65% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 2.22 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.01 ดอลลาร์/หุ้น
          นักลงทุนติดตามความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของสหรัฐ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบต่อมาตรการดังกล่าวแล้วในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ก่อนที่จะส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมาย
          นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค. หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวในแถลงการณ์รอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์ที่แล้วว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน พร้อมกับส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ต่อไปอีกกว่า 3 ปี
          สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. และดุลการค้าเดือนม.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--