ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศและในประเทศ 15/07/56  (อ่าน 1675 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 83203
    • ดูรายละเอียด


สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศและในประเทศ 15/07/56

สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
   S&P ปรับเพิ่มมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์จาก มีเสถียร???าพ เป็น เชิง
บวก และคงอันดับความน่าเชื่อถือไว้ที่ BBB+ สะท้อนถึงการฟื้นตัวของฐานะการคลังและการลด
ขาดดุลงบประมาณที่อาจเร็วกว่าที่คาด รวมถึงแนวโน้มหนี้สาธารณะที่อาจลดลงจาก 122% ของ
GDP ในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 112% ของ GDP ในปี 2016
   เจพี มอร์แกน (ธ.รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ) และ เวลส์ ฟาร์โก (ผู้ปล่อยสินเชื่อบ้านราย
ใหญ่อันดับ 1 ของประเทศ) รายงานผลกำไรไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้นดีต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งเป็นผล
จากการกันสำรองหนี้เสีย
   ทั้งนี้ เจพี มอร์แกน รายงานผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 31% มาอยู่ที่ 6,500 ล้านดอลลาร์
สูงกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ และเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันที่ธนาคารมีกำไรเพิ่มขึ้นด้วยตัว
เลข 2 หลัก ขณะที่ผลกำไรของเวลส์ ฟาร์โก ก็เพิ่มขึ้น 20% มาอยู่ที่กว่า 5,250 ล้านดอลลาร์
สะท้อนถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่พัฒนาขึ้น
    เล่า จื่อเว่ย รมว.คลังจีน ระบุว่า หากเศรษฐกิจจีนขยายตัวในอัตรา 6.5% จะไม่ก่อให้
เกิดปัญหาที่ต้องกังวลแต่อย่างใด เป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลอาจประสงค์ให้เศรษฐกิจชะลอตัว
ลงมากกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งนี้ จีนตั้งเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ไว้ที่ 7.5% ขณะที่ขยาย
ตัวต่ำกว่าระดับ 7.7% ในครึ่งปีแรก
   จีนวางแผนจำกัดจำนวนการซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้นในเมืองสำคัญๆอีก 8 เมืองเพื่อแก้
ปัญหามล???าวะและการจราจร ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ในจีนในปีที่ผ่านมาสูงกว่า 13 ล้านคัน ซึ่งเป็น
หนึ่งในสาเหตุใหญ่ที่ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก และเกิดปัญหามล???าวะทางอากาศในเมือง
ใหญ่ๆ
   ธ.เพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ระบุว่า ประเทศเอเชียส่วนใหญ่ล้มเหลวในการใช้
จ่ายเงินในโครงการช่วยเหลือคนจน โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจจะ
เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่รัฐบาลกลับไม่ได้ทุ่มเทการลงทุนมากพอในโครงการป้องกันทางสังคม
เพื่อช่วยเหลือคนยากจนและผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งการประกันสุข???าพ การให้เงินช่วยเหลือและฝึก
อบรมทักษะ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายมาตรการป้องกันทางสังคมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเพียง
2.6% ของ GDP ขณะที่เอเชียตะวันออกใช้จ่ายด้านนี้ 6% ของ GDP

สรุปข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
    กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนครีและ รมต.คลัง ระบุว่า มีแนวโน้มจะลดประมาณ
การเศรษฐกิจไทยปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4.5-5.5% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังชะลอ
ตัว โดย IMF ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจเหลือร้อยละ 3.1 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ
3.2
   รัฐบาลได้กำหนด 6 แนวทางในการดูแลการบริโ???คของประชาชน ดังนี้
1. ดูแลต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะข้าวโพด ถั่วเหลือง ปุ๋ยเคมี เพื่อคุมต้นทุนการผลิตและทำให้
ราคาปลายทางปรับลดลง
2. จัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าตามแหล่งการผลิตและกระจายไปยังตลาดบริโ???ค เพื่อบริหารจัดการ
ขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิ???าพ
3. จัดโซนนิ่งพื้นที่เพาะปลูกสินค้าเกษตรให้เหมาะสมกับแต่ละจังหวัด
4. ป้องกันการผูกขาดสินค้าสำหรับวัตถุดิบหลักและป้องกันปัญหากำหนดราคาสูง เนื่องจากมีผู้
จำหน่ายน้อยราย
5. ลดผลกระทบจากการเพิ่มราคา LPG ด้วยการช่วยเหลือผู้ที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 90 หน่วย/เดือน
และส่งเสริมให้ประชาชนใช้ก๊าซ NGV โดยขยายสถานีบริการน้ำมันให้มีจำนวนมากขึ้น
6. มอบหมายให้หน่วยงานรัฐติดตามเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ดูแลการบริโ???คไม่ให้ชะลอตัว
   ธปท. ชี้ว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยและอินโดนีเซียต่างกัน จึงยังไม่จำเป็นต้องขึ้น
ดอกเบี้ยเหมือนอินโดนีเซียที่ขึ้นไป 0.50% เป็น 6.50% เพราะกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่อาจจะเพิ่ม
ขึ้น จากแผนลดการอุดหนุนราคาพลังงานลง กับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมากที่ทำให้เงิน
ทุนไหลออก
   ธปท. รายงานว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศลดลง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐมาอยู่ที่
1,688 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก ธปท.ต้องเพิ่มส???าพคล่องเงินดอลลาร์ในตลาดเงินจากที่
ก่อนหน้านี้ที่เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกเร็วเพราะ FED ส่งสัญญาณเลิกทำ QE จึงทำให้เงินทุน
ต่างชาติไหลออก ตลาดการเงินไทยจึงมีส???าพคล่องเงินเหรียญสหรัฐลดลง
   สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย คาดว่า ตลาดรถยนต์ครึ่งปีหลังจะชะลอลงจากครึ่งปีแรกมาก
เพราะแรงกระตุ้นจากการส่งมอบรถยนต์คันแรกเสร็จสิ้นแล้ว และเศรษฐกิจไทยโดยรวมมีแนว
โน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ประกอบกับ???าระหนี้สินใน???าคครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้นจนมีผลต่อ
อำนาจใช้จ่ายและทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ จนอาจส่งผลต่อความเสี่ยงเรื่องการชำระหนี้
กับคุณ???าพของลูกหนี้ในอนาคตเพิ่มมากขึ้น
    สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า เมียนมาร์เป็นหนึ่งในประเทศที่
น่าสนใจลงทุนหลังจากเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะเป็นแหล่ง
ทรัพยากร มีประชากรมากกว่า 60 ล้านคน มีแรงงานจำนวนไม่น้อยที่เคยมาทำงานในไทยซึ่งได้
นำความรู้และประสบการณ์กลับไปประกอบกิจการเพื่อพัฒนาประเทศ และรัฐบาลยังมีมาตรการส่ง
เสริมกับดึงดูดนักลงทุนต่างชาติโดยกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษและให้สิทธิประโยชน์ในพื้นที่
ต่างๆ ทำให้นักลงทุนไทยและต่างชาติเข้าไปลงทุนในเมียนมาร์เพิ่มขึ้น
   สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อการลงทุนในเมียนมาร์ที่มีศักย???าพและมีการ
สร้างกลุ่มเครือข่ายเชื่อมโยงต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ได้แก่ เกษตร เกษตรแปรรูป สิ่งทอและ
เครื่องนุ่งห่ม รองเท้าและเครื่องหนัง เป็นต้น
    SET Index ปิดที่ 1,453.71 จุด เพิ่มขึ้น 6.67 จุด หรือ +0.46% ด้วยมูลค่าซื้อขาย
45,005 ล้านบาท
   ดัชนีในวันศุกร์แกว่งตัวผันผวนสลับทั้งแดนบวกและลบหลัง FED ระบุว่าจะชะลอการ
ผ่อนคลาย QE ออกไป ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลและมีเงินบางส่วนกลับเข้ามาในตลาดหุ้น
   สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย
งวดไตรมาส 2 โดยเฉพาะกลุ่ม???าคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) และการประกาศตัวเลข
เศรษฐกิจของจีน
   สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)
นักลงทุนสถาบัน +16.53
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ +374.25
นักลงทุนต่างชาติ +2,236.52
นักลงทุนทั่วไป -2,627.30
   อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง
0.01% สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูล



ที่มา : Good Morning News บลจ.บัวหลวง            
            
 
 

เรียบเรียง โดย ประน้อม บุญร่วม


อีเมล์แสดงความคิดเห็น  commentnews@efinancethai.com

 
 
 


ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย     วันที่   15/07/13   เวลา   7:52:45