ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้ว่าฯแบงก์ชาติรายใหญ่วิตกสงครามการค้า หวั่นกระทบเศรษฐกิจโลก  (อ่าน 246 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84897
    • ดูรายละเอียด
ผู้ว่าฯแบงก์ชาติรายใหญ่วิตกสงครามการค้า หวั่นกระทบเศรษฐกิจโลก

กลุ่มผู้ว่าการธนาคารกลางรายใหญ่ๆของโลก ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับประเด็นความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มบั่นทอนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ และคาดว่าจะกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
          นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ประเด็นการค้าเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง โดยขณะนี้เริ่มมีบริษัทเอกชนตัดสินใจเลื่อนการลงทุนและการจ้างงานบ้างแล้ว
          ด้านนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ตนก็มีความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจและผู้บริโภค พร้อมกับเตือนว่า ความขัดแย้งทางการค้าและนโยบายคุ้มครองการค้าไม่เคยให้ผลลัพธ์ที่ดี
          ขณะเดียวกัน นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาดการณ์ว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะส่งผลกระทบทางอ้อมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออก เนื่องจากทำหน้าที่รองรับอุตสาหกรรมจีนอีกทอดหนึ่ง โดยผู้ว่าการ BOJ คาดหวังว่า การค้าระหว่างทั้งสองประเทศนี้จะกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
          ประเด็นสงครามการค้าเป็นปัญหาที่น่าวิตกกังวลอย่างยิ่งสำหรับธนาคารกลางของประเทศต่างๆ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อและอุปสงค์ของประเทศนั้นๆ จนท้ายที่สุดธนาคารกลางต้องออกมาใช้นโยบายทางการเงินเพื่อจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น
          ทั้งนี้ นักลงทุนวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า รัฐบาลจีนพร้อมจะตอบโต้อย่างรุนแรง หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้
          ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทั้งสหรัฐและจีนเป็นผลสืบเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนจำนวน 1,100 รายการที่จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจากนั้นไม่นาน รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์เช่นกัน