ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.25 มองกรอบวันนี้ 33.20-33.30 ตลาดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ-กนง.สัปดาห์นี้  (อ่าน 287 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84444
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.25 มองกรอบวันนี้ 33.20-33.30 ตลาดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ-กนง.สัปดาห์นี้


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 15 สิงหาคม 2560 09:18:31 น.
 
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 33.25 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่


ระดับ 33.23 บาท/ดอลลาร์
 
"ช่วงที่บ้านเราหยุด 3 วัน มีปัจจัยคือเงินเฟ้อสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ดอลลาร์โดนเทขาย ขณะที่นักลงทุนคลาย
 
ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐระบุว่า รัฐบาล
 
สหรัฐจะยังคงใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 33.20-33.30 บาท/ดอลลาร์
 
"คืนนี้จะมีตัวเลขยอดค้าปลีก และ การผลิตของสหรัฐฯ ส่วนพรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กน
ง.)" นักบริหารเงิน กล่าว
* ปัจจัยสำคัญ
 
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.17 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ (11 ส.ค.) ที่อยู่ที่ระดับ 109.04 เยน/ดอลลาร์
 
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1785 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ (11 ส.ค.) ที่อยู่ที่ระดับ 1.1755 ดอลลาร์/ยูโร
 
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.2530 บาท/
ดอลลาร์
 
- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (14-18 ส.ค.) ที่ 33.10-33.30 บาทต่อ
 
ดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดในประเทศน่าจะอยู่ที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 16 ส.ค.
 
ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิต
 
ของเฟดสาขานิวยอร์กและสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนส.ค. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้าน การอนุญาตก่อ
 
สร้าง และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค. ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิ สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.
 
นอกจากนี้ นักลงทุนอาจมีจุดสนใจเพิ่มเติมที่บันทึกการประชุมเฟด และถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินทิศทาง
 
จังหวะการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐฯ รวมถึงประเด็นความคืบหน้าของความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ
 
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50%
 
ต่อเนื่องในการประชุม กนง. รอบที่ห้าของปี 2560 ในวันที่ 16 ส.ค. 2560 นี้ และน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วงที่เหลือ
 
ของปีนี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของเฟดที่อาจจะเริ่มปรับลด
ขนาดงบดุลในช่วงปลายปี
 
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า นักลงทุนในตลาดการเงินได้ประเมินว่า ในการ
 
ประชุมคณะกรรมการดอกเบี้ยนโยบาย (กนง.) วันที่ 16 ส.ค.นี้ อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง หลังเงินเฟ้อไทยติดลบในตลอด 2-
 
3 เดือนที่ผ่านมา โดยเดือน พ.ค. ติดลบ 0.04% เดือน มิ.ย. ลบ 0.05% ขณะที่ล่าสุดเดือน ก.ค. ยังเพิ่มขึ้นระดับต่ำ 0.17%
 
ประกอบกับดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล 1 ปี ที่ลดลงอย่างรวดเร็วจากเฉลี่ย 1.5% ในเดือน พ.ค. เหลือ 1.46% ในเดือน ก.ค. รวม
 
ถึงมีเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดดอกเบี้ยนโยบาย
ลงเพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อให้สูงขึ้น
 
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันที่ 23 สิงหาคม คาดว่าจะมีการแถลงดัชนีความเชื่อมั่น
 
ภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม 2560 ประเด็นสำคัญคือ ประกาศลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ภายในประเทศปี 2560 ใหม่ จากเป้า
 
หมายคาดการณ์ไว้ 2 ล้านคัน แบ่งเป็นส่งออก 1.2 ล้านคัน และภายในประเทศ 8 แสนคัน เพราะช่วงครึ่งปี 2560 ส่งออกลดลง
 
ถึง 13.02% คาดว่าทั้งปีจะส่งออกได้ 1.1 ล้านคัน ขณะที่ในประเทศคงเดิมแต่กังวลผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมและอาจมีพายุเข้ามา
อีก จนอาจกระทบยอดขายรถยนต์ในประเทศ
 
- นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี และความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ
 
และเกาหลีเหนือ หลังจากนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ และนายจิม แมททิส รมว.กลาโหมสหรัฐ เปิดเผยว่า
รัฐบาลสหรัฐจะยังคงใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี
 
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์
คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากทรงตัวในเดือนมิ.ย.
 
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) สืบ
 
เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ หลังจากเจ้าหน้าที่
 
ระดับสูงของสหรัฐระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะยังคงใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี
 
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1778 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1828 ดอลลาร์ ดอลลาร์อ่อนค่าลง
เมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 108.22 เยน จากระดับ 108.97 เยน
 
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงิน
 
ดอลลาร์ นอกจากนี้ การที่สถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มสัญญาณคลี่คลายลง ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญา
ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
 
- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State
 
Manufacturing Index) เดือนส.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีราคานำเข้า-ส่งออกเดือนก.ค., สต็อก
 
สินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)
 
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ดำเนินการตรวจ
 
สอบการปฏิบัติทางการค้าของจีน ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา แม้หลายฝ่ายได้แสดงความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์
ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ