ผู้เขียน หัวข้อ: ?บิ๊กตู่?อุ้มยาง สั่ง 8 กระทรวงใช้งบฯรับซื้อ ขู่เล่นงานพวกกดราคา ?ไก่อู?วอนอย่ากดดัน  (อ่าน 689 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84892
    • ดูรายละเอียด
"บิ๊กตู่"อุ้มยาง สั่ง 8 กระทรวงใช้งบฯรับซื้อ ขู่เล่นงานพวกกดราคา "ไก่อู"วอนอย่ากดดัน

 วันที่ 10 มกราคม  พ.ศ. 2559 เวลา 15:50:23 น ที่มา มติชน

"บิ๊กตู่"สั่ง 8 กระทรวงใช้งบฯรับซื้อยาง จี้ส่งความต้องการให้สำนักเลขาฯรวบรวมก่อนเที่ยงพรุ่งนี้ จ่อคาดโทษผู้รับซื้อยางราคาสูงกว่าข้อตกลง ขู่พวกกดราคาโดนกฎหมายเล่นงานแน่ แต่ยังไม่ใช้ยาแรง ม.44 วอนชาวสวนอย่าเข้ากรุงกดดันปิดถนน ขอเกษตรกรเชื่อ?ความจริงใจของรัฐ?จะแก้ปัญหาได้



http://www.matichon.co.th/online/2016/01/14524160661452416130l.jpg height=388


เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงปัญหาราคายางพาราตกต่ำว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีความเป็นห่วงเรื่องปัญหายาง และได้ติดตามปัญหานี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมกันกับตัวแทนทุกฝ่ายที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ข้อยุติที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้อยางตกลงกันจะซื้อยางไม่ให้ราคาต่ำกว่าที่เป็นอยู่ เพราะปัจจุบันราคายางแผ่นดิบชั้น 3 อยู่ที่กิโลกรัมละ 34 บาท โดยจะยังไม่พูดถึงข้อกฎหมาย นอกจากนี้ รัฐบาลยกระดับราคาให้สูงขึ้นเท่าที่ทำได้ในเวลาที่เหมาะสม และเชื่อว่านี่เป็นแนวทางที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างชัดเจน แม้อาจไม่ทำให้เป็นที่ถูกใจทั้งหมดได้ แต่ถือว่าช่วยทำให้ปัญหาผ่อนจากหนักเป็นเบาได้

ขณะเดียวกัน จากวันนี้ถึงวันที่ปิดกรีดยางคือ อีก 3 เดือน ประมาณการกันว่าจะมียางออกสู่ตลาดประมาณ 8 แสนตัน ซึ่งกลุ่มที่ซื้อยางทุกส่วนยอมรับในกฎกติกาว่าจะแบ่งสันปันส่วนกันซื้อยางให้หมด ไม่ให้มียางตกค้าง นอกจากนี้ ยังมีการแก้ปัญหาโดยใช้ 16 มาตรการของรัฐบาลที่เคยประกาศไว้เพื่อดำเนินต่อไป และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องนำเรื่องนี้ไปชี้แจงให้เกษตรกรที่เกี่ยวข้องรับทราบ

พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า การยกราคาให้สูงตามที่มีการเรียกร้องกันนั้นยากเพราะทุกคนทราบดีว่าราคายางโลกตกปริมาณล้นตลาด จึงอยากให้คุยด้วยเหตุผล ไม่อยากเห็นการกดดันรัฐบาลแล้วทำผิดกฎหมาย เพราะปัจจุบันการชุมนุมกระทำไม่ได้ แต่รัฐบาลไม่อยากพูดเรื่องกฎหมายเพราะมันเป็นยาแรง และเกษตรกรกำลังเดือดร้อนอยู่ ถ้าใช้ยาแรงเกรงว่าจะบั่นทอนความรู้สึก แต่ยืนยันว่าไม่อยากให้มีการชุมนุมกดดัน แต่ถ้าจะรวมตัวกันประชุมเพื่อสรุปข้อมูลทั้งหมด แล้วรายงานมาให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ก็ยินดีรับฟัง แต่หากจะปิดถนน เดินขบวน หรือเข้ากรุงเทพฯ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง นอกจากนี้ เรื่องบอร์ดการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่ขณะนี้ยังไม่เสร็จ นายกฯได้สั่งการเร่งรัดให้ส่วนที่เกี่ยวข้องให้เอาเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ได้ ซึ่งหากวันที่ 12 มกราคมเข้า ครม.ไม่ทัน ก็นำเข้าสัปดาห์หน้าแทน เชื่อว่าถ้าบอร์ดเรียบร้อยแล้ว กลไกทั้งหลายจะเดินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

"หลังจากตกลงกันแล้วเมื่อ วันที่ 7 มกราคม จะมีส่วนต่างๆ ติดตามตรวจสอบว่ามีผู้รับซื้อคนใดไม่ปฏิบัติตามกติกาหรือไม่ ซึ่งถ้ามี เราจะติดต่อเป็นรายบุคคลโดยการตักเตือน และถ้ายังประพฤติอยู่ เราก็ต้องว่ากันด้วยกฎหมาย แต่เราจะยังไม่พูดถึงมาตรา 44 เพราะยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องควบคุมอยู่ คือ พ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ.2542 และกฎหมายควบคุมสินค้า เป็นต้น ดังนั้น จึงเชื่อว่าอย่างน้อยมาตรการดังกล่าวจะไม่ทำให้ราคายางตกไปกว่านี้" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.ต.สรรเสริญกล่าวอีกว่า นอกจากนั้น นายกฯมีคำสั่งไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 8 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยจะต้องรวบรวมความต้องการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะช่วยรับซื้อยางเพื่อนำไปใช้ในความรับผิดชอบของแต่ละกระทรวงอย่างไรบ้าง จากนั้นให้ส่งสำเนามายังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อรวบรวมภายในเวลา 12.00 น. วันที่ 11 มกราคม โดยนายกฯให้แต่ละกระทรวงใช้งบประมาณตัวเองในการรับซื้อ และมีความเป็นไปได้ว่าจะรายงานเข้าที่ประชุม ครม.วันที่ 12 มกราคมนี้ทันที ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และวิงวอนว่าอย่าทำในลักษณะที่กดดันรัฐบาล เพราะการกดดันไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หากคุยด้วยเหตุผลยอมรับว่าราคาไปแค่ไหนอย่างไร ทำอย่างไรไม่ให้ราคาทรุดไปกว่านี้

เมื่อถามว่า อะไรเป็นหลักประกันว่าราคายางจะไม่ตกลงมากไปกว่านี้ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ความจริงใจที่รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาทุกเรื่อง เกษตรกรทุกกลุ่มรัฐบาลรับฟังปัญหามาหมด อะไรที่เป็นปัญหาของเกษตรกร รัฐบาลพยายามลงไปให้ถึงต้นตอจริงๆ รับฟังว่าจะทำได้แค่ไหน เพราะหากใช้การอุดหนุน ก็จะแค่ทำให้เกษตรกรพึงพอใจแค่ประเดี๋ยวประด๋าว แบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง