สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศและในประเทศ 07/09/58 สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -7 ก.ย. 58 7:23: น.
สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ ? รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ได้ให้คำมั่นในการประชุม G20 ครั้งล่าสุดว่า จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อรักษาระดับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และจะร่วมมือกันในการส่งเสริมให้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามกลไกตลาดมากขึ้น เพื่อให้สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงและหลีกเลี่ยงการเบี่ยงเบนของอัตราแลกเปลี่ยนในระยะยาว จะระงับการทำให้เงินอ่อนค่าลงเพื่อส่งเสริมการแข่งขัน และจะขัดขวางลัทธิคุ้มครองการค้าทุกรูปแบบ
นอกจากนี้ สหรัฐฯได้เรียกร้องต่อจีนให้เลี่ยงการปรับลดค่าเงินหยวน และให้เพิ่มความโปร่งใสของนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน
? ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 173,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. จากที่เพิ่มขึ้น 245,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาด และอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.1% จาก 5.3% ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาด และใกล้เคียงกับเป้าหมายของเฟดแล้ว รายได้ต่อชั่วโมงปรับดีขึ้น การจ้างงานในภาคบริการปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคบริการสาธารณสุข สวนทางกับการจ้างงานในภาคการผลิตที่ลดลง
ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานที่ออกมามีทั้งที่ดีและแย่กว่าที่ตลาดคาด จึงทำให้ยังไม่เกิดความชัดเจนว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนนี้เลยหรือไม่
? สำนักงานสถิติเยอรมนีเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคการผลิตในเดือนก.ค.ปรับตัวลง 1.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 1.8% เนื่องจากความต้องการในต่างประเทศที่ซบเซา โดยยอดสั่งซื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้น 4.1% ขณะที่ยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลง 5.2%
? ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย กล่าวว่า ประเทศที่มีเศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืนควรพิจารณาปรับนโยบายการเงินให้อยู่ในภาวะปกติ หลังจากมีการผ่อนคลายนโยบายอย่างมากก่อนหน้านี้ เพราะถ้ายิ่งดำเนินนโยบายผ่อนคลายนานเท่าใด ก็จะยิ่งกระทบต่อเศรษฐกิจมากเท่านั้น และนโยบายอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวไม่สามารถช่วยให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
? IMF ระบุว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังไม่มีความจำเป็นต้องขยายมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมเดือนหน้า แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะมีสัญญาณอ่อนแอลง เนื่องจากการคาดการณ์เงินเฟ้อยังคงมีเสถียรภาพ และ BOJ ควรให้ความสำคัญต่อคาดการณ์เงินเฟ้อเป็นหลัก
ทั้งนี้ IMF มีแนวโน้มที่จะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของญี่ปุ่นในปีนี้และปีหน้า เนื่องด้วยการชะลอตัวของจีน และอุปสงค์ที่ซบเซาของเอเชียเป็นปัจจัยกระทบการส่งออกของญี่ปุ่น
? SWIFT ซึ่งเป็นผู้ให้บริการธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ ระบุว่า สัดส่วนของการใช้สกุลเงินหยวนของจีนในเอเชียเพิ่มขึ้น 33% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกรรมเงินหยวนระหว่างจีนและเกาหลีใต้พุ่งขึ้นมากที่สุดที่ 173% ตามมาด้วยไต้หวันและสิงคโปร์ ที่เพิ่มขึ้น 45% และ 19% หลังจากจีนเพิ่มศูนย์การชำระบัญชีกับประเทศคู่ค้าในภูมิภาค
ทั้งนี้ การใช้เงินสกุลหยวนในเอเชียที่เพิ่มขึ้นทำให้สัดส่วนการใช้หยวนในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจาก 2.09% เป็น 2.34%
? ฟิทช์ เรทติ้งส์ เปิดเผยว่า ธนาคารจีนจะยังคงเผชิญแรงกดดันด้านศักยภาพในการทำกำไรและด้านคุณภาพสินทรัพย์ในระยะใกล้นี้ โดยคาดว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะยังคงส่งผลต่อคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอและการขยายตัวของรายได้ ขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยจะกระทบกำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) และสัดส่วน NPL ในรอบปีนี้มีแนวโน้มจะสูงขึ้นในครึ่งปีหลัง
? รัฐบาลจีนประกาศแนวทางกระตุ้นการพัฒนาด้าน Big data โดยจะสร้างแพลตฟอร์มการแชร์ข้อมูลข้ามแผนกในช่วงสิ้นปี 2560 และแพลตฟอร์มข้อมูลรัฐบาลเวอร์ชั่นสมบูรณ์ที่มีเป้าจะสร้างเสร็จก่อนช่วงสิ้นปี 2561 ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสาธารณะต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลสินเชื่อ คมนาคม สาธารณสุข การจ้างงาน วัฒนธรรม การศึกษา วิทยาศาสตร์ เกษตรกรรม การเงิน และบริการสภาพอากาศ นอกจากนี้ จีนจะเพิ่มการเปิดกว้างและการแชร์ข้อมูลรัฐบาล เพื่อส่งเสริมการบูรณาการแหล่งทรัพยากรและยกระดับการจัดการดูแล กระตุ้นนวัตกรรมภาคอุตสาหกรรม และสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ อีกด้วย
สรุปข่าวเศรษฐกิจในประเทศ ? ที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญด้วย 135 คะแนนเสียง ขณะที่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญด้วยคะแนน 105 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง โดยมีสปช.เข้ามาประชุมทั้งหมด 247 เสียง
ทั้งนี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า สมาชิกสปช.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญเพราะเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองยังมีความขัดแย้งและเศรษฐกิจยังมีปัญหา จึงไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเพื่อลดความขัดแย้งและเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชนก่อน ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 เดือน ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณเดือน เม.ย. 2559
? SET Index ปิดที่ 1,370.75 จุด ลดลง 12.73 จุด หรือ -0.92% มูลค่าซื้อขาย 34,133 ล้านบาท ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากนักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ย และมีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และพลังงานหลังจากที่รีบาวด์ขึ้นมาในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่ต่ำกว่าคาด ทำให้มีแรงขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และน่าจะส่งผลต่อตลาดหุ้นเอเชียในวันนี้
? อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง -0.02% ถึง 0.01% มูลค่าการซื้อขาย 50,841 ล้านบาท สำหรับวันนี้มีการประมูลตั๋วเงินคลัง อายุ 28 วัน มูลค่า 25,000 ล้านบาท
สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (4 ก.ย. 58)กลุ่มนักลงทุน ล้านบาท
นักลงทุนสถาบัน +1,113.07)
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -1,134.83
นักลงทุนต่างชาติ -1,266.22
นักลงทุนทั่วไป +1,287.98
ที่มา : Good Morning News บลจ.บัวหลวง
เรียบเรียง โดย ประน้อม บุญร่วม
อีเมล์. reporter@efinancethai.com