วิเคราะห์ |
1. สภาพภูมิอากาศ | - บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน และร้อนจัดในบางพื้นที่ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนอง กับลมกรรโชกแรงเกิดขึ้นได้บางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นระยะนี้ โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต ตรัง กระบี่ และสตูล ส่งผลให้ต้นยางได้รับความชุ่มชื้นและให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป |
2. การใช้ยาง | - นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสมัชชา สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณาคายางพาราที่สูงขึ้นในขณะนี้ เนื่องจาก 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทศรีตรังแอโกรอินดัสทรี บริษัทเซาท์แลนด์รับเบอร์ และบริษัทไทยฮั้วยางพารา ได้ร่วมมือกัน 7 บริษัทยางพาราในประเทศอินโดนีเซีย โดยให้มีการขายยางให้แก่ผู้ใช้โดยตรง และเลิกส่งสินค้าเข้าตลาดล่วงหน้าสิงคโปร์ ซึ่งเริ่มแล้วในเดือนพฤษภาคม นี้ |
3. สต๊อคยาง | - สต๊อคยางจีน ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 58 มีจำนวน 127,178 ตัน ลดลง 7,902 ตัน หรือลดลงร้อยละ 5.85 จากระดับ 135,080 ตัน (วันที่ 24 เมษายน 58) - สต๊อคยางญี่ปุ่น ณ วันที่ 30 เมษายน เพิ่มขึ้น 535 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.77 แตะที่ระดับ 9,801 จาก 9,266 ตัน เมื่อวันที่ 20 เมษายน 58 |
4.เศรษฐกิจโลก | - ธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดสภาพคล่องมูลค่า 6.5 หมื่นล้านหยวน เข้าสู่ภาคธนาคารในเดือนเมษายน โดยผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ทั้งนี้จีนได้นำเครื่องมือนโยบาย MLF มาใช้ตั้งแต่เดือนกันยายน ปีที่แล้ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวลดลง - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า สต๊อคสินค้าภาคค้าส่งของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในเดือนมีนาคม หลังจากปรับตัวขึ้นร้อยละ 0.2 ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนยอดค้าส่งลดลงร้อยละ 0.2 ในเดือนมีนาคม หลังจากหดตัวลงร้อยละ 0.6 ในเดือนกุมภาพันธ์ - ธนาคารกลางยุโรป (ECB) รายงานว่า มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของ ECB กำลังดำเนินไปตามแผน และจะช่วยสร้างเสถียรภาพต่อระบบการเงิน แทนที่จะสร้างความเสี่ยง ทั้งนี้หลายรายกังวลว่ามาตรการ QE จะทำให้นักลงทุนทำการลงทุนแบบเสี่ยงมากเกินไปเช่นเดียวกับช่วงก่อนเกิดวิกฤต การเงิน - ธนาคารกลางจีน ระบุว่า เศรษฐกิจจีนเผชิญกับแรงกดดันในช่วงขาลงในระยะใกล้ แต่ไม่มีความจำเป็นที่จีนจะต้องใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการกระตุ้นสภาพคล่อง - สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า - ดัชนี ภาคผู้บริโภค (CPE) ซึ่งเป็นมาตรการวัดเงินเฟ้อหลัก ขยายตัวร้อยละ 1.5 ในเดือนเมษายน เมื่อเทียบรายปีจากระดับร้อยละ 1.4 ในเดือนมีนาคม และร้อยละ 0.8 ในเดือนพฤษภาคม แต่หากเทียบรายเดือน พบว่าดัชนี CPI เดือนเมษายน ขยับลงร้อยละ 0.2 ซึ่งน้อยกว่าเดือนมีนาคม ที่ปรับลงร้อยละ 0.5
- ดัชนีภาคผู้ผลิต (PPI) ลดลงร้อยละ 4.6 ในเดือนเมษายน เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับลดลงติดต่อกันยาวนานถึง 38 เดือน บ่งชี้ว่าอุปสงค์ในตลาดของจีนยังคงอ่อนแอ - กระทรวงการคลังของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า หนี้สินของรัฐบาลกลางญี่ปุ่นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,053.4 ล้านล้านเยน หรือ 8.78 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลให้หันมาใช้มาตรการรัดเข็มขัดเพิ่มเติม |
| - สำนักงานศุลกากรจีน เปิดเผยว่า การส่งออกของจีนในเดือนเมษายน ปรับตัวลงร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบรายปี ขณะที่การนำเข้าในเดือนเมษายน ลดลง ร้อยละ 16.1 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ตัวเลขเกินดุลการค้าของจีนเพิ่มขึ้นแตะ 2.1021 แสนล้านหยวน เทียบกับ 1.816 หมื่นล้านหยวนในเดือนมีนาคม - สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี เปิดเผยว่า การส่งออกของเยอรมนีในเดือนมีนาคม ขยายตัวร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบรายเดือน - ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝากลงอีกร้อยละ 0.25 สู่ระดับร้อยละ 5.1 และ ร้อยละ 2.25 ตามลำดับ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม นี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 |
5. อัตราแลกเปลี่ยน | - เงินบาทอยู่ที่ 33.55 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ไม่เปลี่ยนแปลง - เงินเยนอยู่ที่ 119.85 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ แข็งค่า 0.08 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ |
6. ราคาน้ำมัน | - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาด Nymex ส่งมอบเดือนมิถุนายน ปิดตลาดที่ 59.39 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.45 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนเมษายน เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจะช่วยหนุนอุปสงค์พลังงานให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย - สำหรับสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 0.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล |
7. การเก็งกำไร | - ราคาตลาด TOCOM ส่งมอบเดือนมิถุนายน 2558 อยู่ที่ 216.9 เยนต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 1.1เยนต่อกิโลกรัม และส่งมอบเดือนตุลาคม 2558 อยู่ที่ 224.3 เยนต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 1.7 เยนต่อกิโลกรัม - ราคาตลาด SICOM เปิดตลาดที่ 183.7 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 1.7 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม |
8. ข่าว | - กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่ง ในเดือนเมษายน จากระดับ 85,000 ตำแหน่ง ในเดือนมีนาคม ขณะที่อัตราว่างงานลดลงสู่ระดับร้อยละ 5.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปี |
9. ข้อคิดเห็นของ ผู้ประกอบการ | - ราคายางปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยผู้ประกอบการมองว่าเป็นการเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้ามากกว่า ยังคงรอดูสถานการณ์ เนื่องจากปัจจุบันตลาดยางเป็นของผู้ซื้อ ถ้าราคาสูงเกินไป ก็ชะลอการซื้อลง เพราะโดยภาพรวมอุปทานยางยังมีจำนวนมาก เพียงแต่ลดลงในระยะสั้น ๆ ช่วงฤดูยางผลัดใบ เมื่อผลผลิตออกสู่ตลาดเต็มที่ ราคาอาจจะปรับตัวลดลง |