ผู้เขียน หัวข้อ: แกนนำยางไม่เชื่อรัฐมีพลังวิเศษ ดึงราคายางพาราสูงขึ้นกว่า 80 บ.  (อ่าน 925 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84347
    • ดูรายละเอียด
แกนนำยางไม่เชื่อรัฐมีพลังวิเศษ ดึงราคายางพาราสูงขึ้นกว่า 80 บ.



22 ม.ค.58 นายเพิก เลิศวังพง อดีตประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.) กล่าวถึงกรณี ที่รัฐบาลจะจัดตั้งสมัชชาสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทยขึ้น โดยมี นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ เป็นประธานสมัชชาสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ว่า เรื่องดังกล่าวในส่วนตนเห็นว่าไม่เหมาะสม และเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกทาง เพราะการตั้งองค์กรขึ้นมาเพิ่ม ก็ไม่เชื่อว่าจะมีประโยชน์?ใดๆ


ทั้งนี้ กลุ่มตนยังยืนยันที่จะมีการคัดค้าน พ.ร.บ.การยาง ต่อไป เนื่องจากเห็นว่า หาก พ.ร.บ.การยาง ผ่านสภา และออกมาเป็น พ.ร.บ.จนมีผลบังคับให้เกิดการเอื้อผลประโชยน์ให้กับเอกชนมากกว่า เท่าที่ตนทราบ ขณะนี้มีเงินกองทุนยางอยู่ประมาณกว่า 3 หมื่นล้านบาท และมีกลุ่มเอกชนบางกลุ่มพยายามที่จะให้ พ.ร.บ.การยาง ผ่าน เพื่อที่จะให้กลุ่มทุนเข้ามาใช้เงินในกองทุนได้เท่านั้น พ.ร.บ.การยาง จึงไม่น่าจะเกิดประโยชน์ต่อชาวสวนยางโดยรวม ซึ่งจากนี้ไปสังคมต้องจับตามองว่า การตั้งสมัชชา และการที่มีความพยายามนำร่าง พ.ร.บ.การยาง ให้ผ่านสภา เป็นการทำเพื่อใคร


ส่วนที่มีการเรียกเอกชน กลุ่มผู้ประกอบการยาง มาหารือเพื่อขอให้รับซื้อยางจากเกษตรกร โดยจะให้เป็น 80 บาทนั้น ส่วนตนเชื่อว่าไม่มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน เพราะจนถึงทุกวันนี้ราคายางไม่มีแนวโน้มว่าจะส่งออกได้ตามที่รัฐบาลบอกกับสังคม และหากมีก็น่าจะเป็นช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่ทั้งหมดเป็นการสร้างภาพและบีบให้เอกชนซื้อเท่านั้น


"ผมคิดว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่ราคายางพาราจะขยับตัวสูงขึ้น 80 บาท เพราะที่บอกว่าตกลงขายยาง 62.50 บาท ก็ไม่ทราบว่ามีจริงหรือไม่ เพราะตลอดเวลาเราพยายามที่จะขอให้เปิดเผยสัญญาก็ยังไม่ยอมเปิดเผย ก็ไม่ทราบว่าสาเหตุอะไร ตอนนี้เท่าที่ทราบ ขายยางไปให้จีนจริงเพียง 377 ตัน ซึ่งถือว่าน้อยมาก จากที่ตกลงกันไว้เดือนละ 2 หมื่นตัน ถึงอยากให้เปิดเผยออกมา จากนี้ไปเราอาจจะต้องมีการเคลื่อนไหวขอให้เปิดเผยข้อมูล เพราะเชื่อว่าสัญญาที่ขายยางน่าจะมีการหมกเม็ด เพราะหากขายได้จริงราคายางน่าจะขยับตัวสูงขึ้น" นายเพิก กล่าว


ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่า จากการที่ทางรัฐบาลเรียกผู้ประกอบการางหาหารือ และขอให้รับซื้อยางในราคา 60 บาทต่อกิโกกรัม และพยายามจะให้ราคาสูงถึง 80 บาทต่อกิโลกกรัม น่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะในสัญญาที่มีการลงนามในสัญญา เมื่อวันที่ 21 พ.ย.57 มีการลงนามสัญญาขายยางที่ 63.56 บาท ในส่วนยางแผ่นรมควัน และยาง STR20 ในราคา 55.50 บาท โดยส่งมอบยางทั้งหมดภายใน 10 เดือน แต่สัญญาดังกล่าวกลับมีเอกสารสอดไส้ผนวช เป็นเอกสานแนบท้ายสัญญา ผนวก 2 ให้นำฐานราคายางที่นำมาคิดราคาซื้อขาย โดยให้ใช้ราคา FOB กรุงเทพฯ ของยางแผ่นรมควัน ณ วันที่ลงนามในหนังสือแสดงเจตนา ระบุในสัญญา วันที่ 13 ต.ค.57 โดยคิดที่ราคา 50.95 บาทต่อกิโลกรัม และยังคิดเกณฑ์การปรับลดราคาตามคุณภาพ โดยหากยางเสียรูปทรง ปรับ 0.28 ต่อกิโกกรัม ยางมีราสนิมและมีความชื้น ใช้ฐานราคาปรับ 0.97 บาท ยางที่มีราสีขาวและมีความชื้นสูง ปรับลดลงที่ 4.48 บาท


ซึ่งจากการตรวจสอบยังพบว่า จนถึงขณะนี้ส่งยางพาราไปได้แค่ 377 ตัน ในราคา 46.47 บาทต่อกิโลกรัม จึงเป็นไปไม่ได้ที่เอกชนจะซื้อในราคาตามที่กำหนด และจากสัญญาดังกล่าว เชื่อว่าน่าจะส่งผลให้ราคายางต่อลงอีก และมีแนวโน้มว่าจะไม่ถึง 40 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด


ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า


 
23/1/2015