ผู้เขียน หัวข้อ: ลุยตรวจโกดังทำบัญชีข้าวออมสินชงประมูลขั้นบันได  (อ่าน 570 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 86015
    • ดูรายละเอียด

ลุยตรวจโกดังทำบัญชีข้าวออมสินชงประมูลขั้นบันได


 
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 10 มิถุนายน 2557 00:00:46 น.
ไทยโพสต์ * "คสช." ลุยตรวจโกดังข้าว ตั้งคณะอนุกรรมการย่อยทำบัญชีข้าว-สางปมทุจริต ขณะที่ธนาคารออมสินเตรียมถกบอร์ดสรุปแนวทางกู้จำนำข้าวรอบ 2 เล็งโดดประมูลแบบขั้นบันได เพื่อเปิดโอกาสให้ธนาคารอื่นร่วมช่วยชาวนาบ้าง


พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรัก ษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวเมื่อวัน จันทร์ถึงการตรวจเช็กสต็อกข้าวในโครงการรับจำนำข้าวว่า มีการดำเนินการแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก  คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) เป็นผู้ดำเนินการ จะทำการตรวจสอบสต็อกข้าว โดยใช้ฐานข้อมูลปริมาณข้าวในคลังหรือโรงสีที่มีอยู่เดิม โดยการเข้าไปตรวจสอบจะใช้กำลังพลในแต่ละกองทัพภาคสนับสนุน สำหรับส่วนที่ 2 การตรวจสอบ สต็อกข้าวที่ คสช.แต่งตั้งคณะกรรมการนโย บายบริหารจัดการข้าว ซึ่งเป็นคนละหน่วยงานกับคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ นอกจากนี้จะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการย่อยเพื่อทำบัญชีข้าวและดำเนินการตรวจสอบ


นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว. สรรหา เรียกร้องการบริหารประเทศของ คสช. ว่า อันดับแรกต้องตั้งคณะตรวจสอบเรื่องทุจริตคอร์รัปชันเช่นเดียวกับ คตส. เพื่อตรวจสอบนักการเมืองที่มีพฤติกรรมการทุจริตต่างๆ อย่างเช่น 5 อดีตรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากเป็นปัญหาที่ประชาชนต้องการให้แก้ไขมากที่สุด ทั้งนี้ เบื้องต้นต้องการให้มีการอายัดทรัพย์สินของรัฐมนตรีกลุ่มดังกล่าวก่อน และ หากชี้แจงได้สำเร็จก็นำทรัพย์สินคืนไปได้ ส่วนที่ว่าทำไมไม่หวังพึ่งการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะเนื่องจากบ้านเมืองอยู่ในสภาวะไม่ปกติ และการทำงานของ ป.ป.ช.ก็ช้าและมีขั้นตอนค่อนข้างมาก อาจไม่ทันต่อเหตุการณ์และไม่ทันใจประชาชน


มีรายงานข่าวจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งว่า สำหรับความคืบหน้ากรณีที่ ป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยจะตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินในเชิงลึกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และอดีตรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรวม 5 ราย ได้แก่ 1.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 2.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล  อดีต รมว.พาณิชย์ 3.นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ 4.นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ และ 5.นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์


ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวมี นายณรงค์ รัฐอมฤต คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบ และมีนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นหัวหน้าคณะทำ งานตรวจสอบ ซึ่งจะมีการประชุมนัดแรกภายในสัปดาห์หน้าเพื่อกำหนดกรอบการทำงานต่อไป


ขณะที่นายอำนวย ปรีมนวงศ์ ผู้ตรวจการกระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารจะมีการประชุมนัดพิเศษในวันที่ 11 มิ.ย.57 เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ธนาคารเข้าร่วมประ มูลเงินกู้ในโครงการรับจำนำข้าวรอบที่ 2 วง เงิน 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเต็มวงเงินที่กระ ทรวงการคลังเปิดประมูลแล้ว โดยในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่จะยื่นประมูลนั้น จะมีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะเสนอได้เท่ากับหรือน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมาหรือไม่


ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ธนาคารออมสินซึ่งชนะการประมูลเงินกู้โครงการจำนำข้าวรอบแรกเพียงรายเดียว วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท โดยเสนออัตราดอกเบี้ยที่ BIBOR ระยะเวลา 6 เดือนที่ -0.1% หรืออยู่ที่ 2.1792% ต่อปี โดยการประมูลเงินกู้รอบใหม่ 4 หมื่นล้านบาทนั้น กระทรวงการคลังให้ยื่นซองประมูลในวันที่ 12 มิ.ย.57 และส่งมอบเงินวันที่ 19 มิ.ย.57


นายธัชพล กาญจนกูล รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า การประมูลรอบแรกธนาคารวางแผนจะซอย เข้าประมูลเงินกู้หลายก้อน แต่คณะกรรมการธนาคารต้องการให้ยื่นประมูลเงินกู้ทั้งก้อน เพื่อเป็นการช่วยเหลือรัฐบาลให้ได้เงินกู้ต้นทุนต่ำ สำหรับการประมูลเงินกู้รอบใหม่ ยังต้องรอนโยบายจากคณะกรรมการ ว่าจะให้เสนอประมูลเงินกู้เป็นก้อนเดียวเหมือนเดิมหรือไม่ แต่ธนาคารเห็นว่าจะเสนอการประ มูลเงินกู้เป็นแบบขั้นบันได เพื่อเปิดโอกาส ให้ธนาคารอื่นได้มีส่วนช่วยเหลือชาวนาบ้าง


อย่างไรก็ดี ต้นทุนเงินฝากของธนา คารออมสินอยู่ที่ประมาณ 1.5% ต่อปี ที่ผ่านมามีสภาพคล่องส่วนเกินช่วงที่ผ่านมาถึง 2.8 แสนล้านบาท และได้มีการนำสภาพคล่องส่วนเกินไปปล่อยกู้ในตลาดเงิน ได้รับผลตอบแทน 1.9-2% ต่อปี เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เข้าประมูลเงินจำนำข้าวในรอบแรกก็ยังได้สูงกว่า นอกจากนี้เมื่อดูจากต้นทุน ธนาคารยังสามารถเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าครั้งแรกที่ผ่านมาได้


ที่จังหวัดลำปาง ภายหลังสายข่าว มทบ.32 ได้รับรายงานว่า ในโกดังเก็บข้าวแห่งหนึ่งในอำเภอห้างฉัตร  จังหวัดลำปาง มีการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวจำนวนมากหมุนเวียนมาใช้แรงงานโดยผิดกฎหมาย แต่ไม่มีใครเข้าไปทำการตรวจจับ เนื่องจากเป็น โกดังของบุตรชายเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในอำเภอ ห้างฉัตร อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทหาร กกล. รส.มทบ.32 ได้นำกำลัง ชป.นทล. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้างฉัตร เจ้าหน้า ที่ฝ่ายปกครอง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง จู่โจมเข้าตรวจโกดังเก็บข้าวสารของบริษัท พีเอเอส  (2556 ) จำกัด เลขที่ 999 ม.1 ต.เวียงตาล ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ซึ่งมีนายพีระวัฒน์ เมืองตั้ง เป็นเจ้าของ


ขณะเข้าตรวจสอบบริเวณภายในบริษัท พบว่ามีโกดังเก็บข้าวจำนวน 5 โกดัง มีรถบรรทุกพ่วงจอดอยู่จำนวน 17 คันเพื่อรอขนถ่ายข้าวสาร จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้นบริเวณโกดังข้าวหมายเลข A4 ซึ่งติดกับบ้านพักของคนงาน พบว่าแรงงานจำนวนมากกำลังแบกข้าวลงจากรถบรรทุก เพื่อนำไปเก็บไว้ในโกดังหมายเลข A4 เมื่อตรวจสอบจึงพบว่าแรงงานทั้งหมดเป็นชาวต่างด้าวทั้งหมด  บางส่วนเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ได้วิ่งหนีไปคนละทิศละทาง โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามและควบคุมตัวมาสอบสวนได้ทั้งหมด  จำนวน 22 คน เป็นชาย 16 คน หญิง 6 คน (เด็กหญิง 1 คน) (ทารกหญิง 1 คน) มีเอกสารทำงานถูกต้อง แต่อนุญาตให้ทำงานในพื้นที่ จ.พิจิตร จำนวน 9 คน ไม่มีใบอนุญาต 5  คน และอ้างว่ากำลังอยู่ระหว่างดำเนินการขอต่อใบอนุญาตทำงานอีก 6 คน รวมเด็กหญิงอีก 2 คน ทั้งหมด 22 คน เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวทั้งหมดไปสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป


สำหรับโกดังเก็บข้าวดังกล่าวเป็นของนายพีระวัฒน์  เมืองตั้ง ซึ่งเป็นบุตรชายของนายวรวุฒิ เมืองตั้ง ปลัดอำเภอห้างฉัตร ซึ่งขณะนี้นายวรวุฒิได้ถูกพักราชการจากกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเมื่อเดือน ธ.ค.56 จากคดีทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ ซึ่งจังหวัดลำปางมีปลัดจำนวน 2 นาย ที่ถูกชี้มูลความผิด ขณะที่ตัวของนายพีระพัฒน์ซึ่งมีอายุเพียงกว่า 20 ปี แต่ปรากฏชื่ออยู่ในหุ้นส่วนในบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีทรัพย์สินกว่า 6 ร้อยล้านบาท เจ้าหน้าที่จะได้ส่งเรื่องให้ทำการตรวจสอบอีกครั้ง


ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ชาวนาจากหลายอำเภอที่ได้รับเงินในโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/57 ที่รัฐบาลค้างจ่ายแล้ว ได้ทยอยนำเงินไปไถ่ถอนทรัพย์สินที่นำไปจำนำไว้กับสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองบุรีรัมย์กันอย่างคึกคัก เฉลี่ยวันละ 100-200 ราย คิดเป็นยอดเงินในการไถ่ถอนกว่า 2-3 ล้านบาท ส่งผลให้ช่วงนี้ยอดการไถ่ถอนมากกว่าจำนำถึงร้อยละ  80 และคาดว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะมีชาวนาแห่มาไถ่ถอนทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะหลายพื้นที่ต่างได้รับเงินจำนำข้าวแล้ว.