ผู้เขียน หัวข้อ: "อัยการศึก"ผ่าทางตันการเมือง  (อ่าน 643 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84444
    • ดูรายละเอียด
"อัยการศึก"ผ่าทางตันการเมือง
« เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2014, 09:26:56 AM »



   




 


ข่าวด่วน
 
"อัยการศึก"ผ่าทางตันการเมือง


สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -21 พ.ค. 57 8:02: น.
 


 


** หุ้นแพนิกระยะสั้น ผวาเงินฝรั่งไหลออก แนะรอดูสถานการณ์


 


           "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ผบ.ทบ.ประกาศกฏอัยการศึก รักษาความสงบในประเทศ หวังคลี่คลายสถานการณ์การเมือง ด้านเอกชน-โบรกเกอร์มองส่งผลดี ทำให้การเมืองจบเร็วขึ้น เชื่ออีกไม่นานการเมืองมีทางออก ด้านตลาดหุ้นดิ่งลงทันที 23 จุดช่วงเปิดตลาด เหตุต่างชาติถล่มขาย เพราะบางกองทุนไม่มีนโยบายลงทุนในประเทศที่ใช้กฏอัยการศึก แต่ดัชนีดีดกลับขึ้นมาปิดลบเพียง 16 จุด หลังมีแรงซื้อกลับจากนักลงทุนในประเทศ ด้าน"จรัมพร" มองหุ้นลงเป็นโอกาสเข้าลงทุน ส่วนนักวิเคราะห์หวั่นวันนี้หุ้นร่วงต่อ ประเมินแนวรับ 1,380-1,370 จุด แนะรอดูสถานการณ์


 


           ผู้สื่อข่าวรายงานภาพรวมของการเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวานนี้ (20 พ.ค.2557) พบการปรับตัวลงแรงมากโดย ลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1,387.62 จุด ลดลง 23.01 จุด หรือลบ 1.63% เนื่องจากเมื่อเวลา 03.00 น.ของวันเดียวกันนี้ ทางกองทัพบกได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อควบคุมสถานการณ์ทางการเมือง โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกประกาศใช้กฎอัยการศึกจากนี้ไปจนกว่าสถานการณ์และเหตุการณ์ทางการเมืองจะมีความสงบลง อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนเที่ยงดัชนีมีการฟื้นตัวขึ้นบ้างจนสามารถกลับมาสัมผัสที่ 1,400 จุด ได้ ทว่าสุดท้ายก็ปิดท้ายวันทำการด้วยระดับ1,394.69 จุด ลดลง 15.94 จุด หรือลบ 1.14%มีมูลค่าการซื้อขาย 43,257.79 ล้านบาท ทั้งนี้แรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศสูงสุทธิถึง 8,335.68 ล้านบาทภายในวันเดียว


 


 *** หวังคลายปมการเมือง "บิ๊กตู่" คาดใช้กฎอัยการศึกไม่เกิน 3-6 เดือน


         พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยวานนี้ว่า จะมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกจากนี้ไปจนกว่าสถานการณ์และเหตุการณ์ทางการเมืองจะมีความสงบลง โดยคาดว่าน่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 3-6 เดือน ขณะเดียวกันจะเชิญผู้ที่ขัดแย้งทางฝ่ายกปปส. และนปช. เข้าร่วมหารือเพื่อแก้ปัญหาและหาทางออกให้กับประเทศร่วมกัน ทั้งนี้จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดในประเทศขึ้นอีก ซึ่งกองทัพจะเน้นทำงานร่วมกับข้าราชการประจำ ?


ภายหลังจากที่ได้ประชุมส่วนราชการทุกฝ่าย มีความเห็นและเข้าใจในการประกาศกฎอัยการศึก โดยต้องการให้กลุ่มผู้ชุมนุม ชุมนุมกันอย่างสันติ และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างสันติวิธี โดยอย่าใช้อาวุธทำร้ายกัน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของทหารที่จะต้องดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนในบ้านเมือง และพยายามให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มผู้ชุมนุมทุกฝ่าย


         "ต่อจากนี้ไปจะเป็นการนับหนึ่งที่จะให้บ้านเมืองเริ่มต้นไปสู่ความสงบโดยเร็ว และขอร้องให้ทุกภาคส่วนช่วยกันสร้างความเข้าใจ โดยจะมีการเรียกผู้ที่ขัดแย้งทั้งกปปส.และนปช. เข้ามาคุยกันเพื่อหาทางออก และเราจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์การนองเลือดขึ้นอีก"ผบ.ทบ.กล่าว


         ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ภายหลังจากการประกาศกฎอัยการศึกจะมีการประกาศปฏิวัติอีกหรือไม่ โดย ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยว่า คำถามดังกล่าวเป็นคำถามที่ไม่สามารถมีผู้ตอบได้ว่าจะมีการปฏิวัติหรือไม่


 


 *** รักษาการนากยกรัฐมนตรี ย้ำ กองทัพต้องดำเนินการภายใต้ รัฐธรรมนูญ


           นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่กองทัพบกประกาศกฎอัยการศึกวันนี้ เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายโดยเร็ว ว่า รัฐบาลก็มีความมุ่งหวังที่จะเห็นความสงบเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน โดยการดำเนินการจำเป็นต้องเป็นไปตามแนวทางสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เลือกปฏิบัติ และให้มีความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกัน ภายใต้หลักนิติรัฐ นิติธรรม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และจะต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข


 


 ***  หน่วยงาน ศก. มองกฎอัยการศึกช่วยหาทางออกประเทศ แม้ส่อโดนฝรั่งลดเครดิต


          นายสมชัย สัจจกุล ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจกระทรวงคลัง (สศค.)เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนช์ไทย" กล่าวถึงกรณีที่กองทัพบกประกาศใช้กฎอัยการศึก ว่า ถือเป็นการช่วยหาทางออกให้กับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง แต่อย่างไรก็ตามจะต้องติดตามสถานการณ์ว่าจะออกมาในทิศทางที่ทหารได้มองไว้หรือไม่ ทั้งในกรณีที่จะมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนกลางหรือจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งภายในสิ้นเดือนนี้คาดว่าจะได้ความชัดเจน "การที่ทหารออกมาแบบนี้ก็มองว่าจะเป็นการช่วยหาทางออกให้กับประเทศได้ และจะต้องฟันธงได้ว่าจะเลือกนายกคนกลางหรือ เดินหน้าเลือกตั้งคาดว่าในสิ้นเดือนนี้จะชัดเจน" นายสมชัย กล่าว


         ทั้งนี้ นายสมชัย ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 จะไม่ติดลบและอาจจะเติบโตในด้านบวกเล็กน้อยเพราะฐานในปีที่แล้วไม่สูงมาก นอกจากนี้ มองว่า ประเทศไทยมีโอกาสที่จะปรับถูกบริษัทจัดอันดับเครดิต ปรับลดอันดับเครดิต หากสถานการณ์ทางเมืองยังไม่สงบได้ภายในเร็วๆ นี้ เบื้องต้น บริษัท ฟิทเรตติ้ง อาจจะปรับได้ภายในปลายปีนี้และส่วน บริษัทมูดีส์ และ บริษัท สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ( S&P) อาจจะปรับมุมมองเครดิตไทยในในช่วงต้นปีหน้า


         นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย แต่กังวลการไปสู่ความรุนแรง และปะทะกัน ซึ่งจะฉุดทำให้เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ประเทศเสียหายทันที ดังนั้นในการประกาศกฎอัยการศึก ถือเป็นมาตรการที่ฝ่ายความมั่นคง ประเมินแล้วว่าอาจเกิดปะทะหรือความรุนแรง จึงยับยั้งสถานการณ์ไว้ก่อน ซึ่งส่งผลกระทบแน่นอนกับบางอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะกฎอัยการศึก คล้ายกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้บริษัททัวร์ต่างชาติระมัดระวังและไม่กล้าเดินทางเข้าประเทศไทย ทั้งนี้ การมีทหารมาควบคุมเบื้องต้นอาจทำให้การใช้ชีวิตไม่มีปัญหาแต่หลังประกาศกฎอัยการศึก ทำให้เงินบาทอ่อนตัวลง เป็นตัวชี้ที่สะท้อนว่า ต่างชาติกังวลกับสถานการณ์ แต่ยังเร็วเกินไป ที่จะประเมินผลกระทบอย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนและต่างชาติ จะจับตาดูว่าหลังใช้กฎอัยการศึก จะมีการประกาศมาตรการใดตามมา


 


 *** เอกชน มองกฎอัยการศึกยังไม่กระทบภาคธุรกิจในระยะสั้น


         นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุว่า หลังจากมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศแล้ว ผลกระทบต่อภาคธุรกิจในระยะสั้นคงจะยังไม่มีอะไรมาก แต่ภาคเอกชนหวังว่าคู่ขัดแย้งควรจะหาโอกาสเจรจากันเพื่อหาทางออกให้เร็วที่สุด โดยขอให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก


         "ในระยะสั้นคงยังไม่ได้รับผลกระทบอะไร อยากให้คู่ขัดแย้งมองประเทศชาติเป็นหลัก พูดคุยหาทางออกประเทศ เพราะการชุมนุมก็ล่วงเลยมา 6 เดือนแล้ว มีผลกระทบกับทุกภาคส่วน เราอยากเห็นว่ามีการพูดคุยกัน"ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าว


         พร้อมระบุว่า หอการค้าไทยได้มีการชี้แจงไปยังหอการค้าต่างประเทศแล้วว่าสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่มีอะไรให้เป็นที่กังวลต่อภาคธุรกิจ เพราะการประกาศกฎอัยการศึกเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ ซึ่งหอการค้าแต่ละประเทศที่ได้รับทราบข้อมูลก็จะได้นำข้อมูลนี้ไปแจ้งกับสมาคมการค้าต่างๆ ให้รับทราบต่อไป


         ด้านนายนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน)หรือ NNCL เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า การประกาศกฎอัยการศึกไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากหลายรายมองว่า การออกมาควบคุมความเรียบร้อยของทหารน่าจะเป็นแนวโน้มที่ดีมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่วนลูกค้าใหม่ก็ยังคงรอดูสถานการณ์ต่อไปว่าเหตุการณ์ในประเทศจะไปจบลงตรงไหน เมื่อไหร่ ถ้าจบภายในปลายเดือนหน้าก็จะทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้ง


 


 ***  ตลท. มองหุ้นลงเป็นโอกาสเข้าลงทุน เตือนนักลงทุนอย่าตื่นตระหนก


         นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวเตือนนักลงทุน ไม่ควรตื่นตระหนก หลังมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก โดยมองว่าเป็นโอกาสสำหรับการเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง??


         "นักลงทุนอย่าตื่นตระหนก หากเป็นนักลงทุนระยะยาวให้ดูจากปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งการที่หุ้นปรับตัวลง ก็จะเป็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนได้"นายจรัมพร กล่าว


 


 *** โบรกเกอร์มองอาจส่งผลดีช่ยการเมืองจบเร็วขึ้น แต่ระยะสั้นฝรั่งอาจติดขัดเข้าลงทุน


         ? บล.ธนชาต ระบุว่า แนะนำ ?ซื้อ?หุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาฯ สื่อสาร ในจังหวะ SETอ่อนตัว ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลดีในกรณีที่การเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น จากการประกาศกฏอัยการศึก โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ อย่างธนาคาร (KBANK, SCB) กลุ่มอสังหาฯ (QH, SPALI) และกลุ่มสื่อสาร (INTUCH, DTAC, ADVANC, JAS, SAMART)ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการประกาศใช้กฎอัยการศึก


?? ทั้งนี้ มองว่า แนวโน้ม SETระยะสั้นคาด ?ผันผวน? เนื่องจาก นักลงทุนต่างประเทศบางกลุ่มไม่สามารถลงทุนในประเทศที่มีเหตุรัฐประหาร หรือใช้กฎอัยการศึก แต่ระยะสัปดาห์คาดว่าจะค่อยๆ ปรับสูงขึ้น เนื่องจาก คาดการเมืองจะมีความชัดเจนมากขึ้น


 


***  หวั่นวันนี้ หุ้นไทยร่วงต่อ เชื่อต่างชาติ เทขายหุ้นหนี


        ?นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟิลลิป เปิดเผยว่า การที่วานนี้ดัชนีหุ้นไทยลดลงแรง หลังจากกองทัพบกนำโดย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ประกาศใช้กฎอัยการศึกครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่มการเมืองบานปลาย ทำให้เกิดมีแรงขายออกมา ทำให้นักลงทุนยังคงต้องจับตาดูถึงภาพบรรยากาศทางการเมืองหลังจากนี้ไป ว่าจะคลี่คลายมากน้อยเพียงใด และออกมาในรูปแบบใด ??ทั้งนี้ประเด็นทางการเมืองในประเทศเป็นประเด็นหลักที่กดดันตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้นนี้ ส่งผลให้ประเด็นต่างประเทศ กรณีการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 21 พ.ค.ต่อการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนการรายงานผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในเช้าวันที่ 22 พ.ค. ไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก ?


 ?        สำหรับวันนี้ คาดหุ้นไทยร่วงต่อ แม้การประกาศกฎอัยการศึกจะเป็นการป้องกันความรุนแรงทางการเมือง แต่ทิศทางความชัดเจนนั้นอยู่คลุมเครืออยู่ จึงทำให้อาจเห็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ที่ยังไม่มั่นใจในสถานการณ์การเมืองไทย แต่หากสถานการณ์คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น ดัชนีฯ จะรีบาวน์กลับได้รวดเร็วเช่นเดียวกัน


  ?? ด้านกลยุทธ์ แนะถือเงินสดรอดูสถานการณ์ (Wait&See) โดยถือหุ้นในพอร์ตไม่เกิด 25% หากดัชนีฯ ลงไปแถว 1340+/- เป็นจุดที่สามารทยอยซื้อหุ้นสะสมได้ โดยประเมินแนวรับ 1,380-1,370 จุด แนวต้าน 1,400-1,410 จุด




เรียบเรียง โดย ประน้อม บุญร่วม 
                อีเมล์. reporter@efinancethai.com










    Copyright ? 2014 eFinanceThai.com All rights reserved. Contact Us : customerservice@eFinanceThai.com
Tel : 02-541-4011  Customer Service Tel: 02-541-4011  Fax : 02-541-4017   Online Asset Co.,Ltd   LastestNews Detail