« เมื่อ: เมษายน 11, 2025, 05:26:37 PM »
คาดหมายอากาศทั่วไป ระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน พ.ศ. 2568
ในช่วงวันที่ 12 - 14 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฝนตกหนักบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในระยะแรก ส่วนในช่วงวันที่ 15 - 17 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ สำหรับภาคใต้ ในช่วงวันที่ 11 - 13 เม.ย. ลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางแห่ง คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 14 - 17 เมย. ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 12 - 14 เม.ย. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักที่จะเกิดขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนองและเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ มีข้อจำกัดในการระบายน้ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ เนื่องจากการระบายน้ำอาจทำได้ไม่สะดวก ไม่ควรอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังการจัดกิจกรรมกลางแจ้งช่วงเทศกาลสงกรานต์ สำหรับเกษตรกรควรเสริมความแข็งแรงให้ไม้ผล และเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไว้ด้วย ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ขอให้ประชาชนวางแผนการใช้ชีวิตและการเดินทางในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างระมัดระวังออกประกาศ 11 เมษายน 2568 12:00 น.ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 12 - 14 เม.ย. พายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ? 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฝนตกหนักบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 20 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27 ? 38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 25 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 15 - 17 เม.ย. อากาศร้อนโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21 - 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 - 40 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5 - 15 กม./ชม.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 12 - 13 เม.ย. พายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฝนตกหนักบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 18 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27 - 37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 14 - 17 เม.ย. อากาศร้อนโดยทั่วไป โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 30 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 - 39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 11 - 12 เม.ย. ฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 - 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงในช่วงวันที่ 13 - 14 เม.ย. พายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 22 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 - 38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 25 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 15 - 17 เม.ย. อากาศร้อนโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 24 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 - 41 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม.ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 12 - 14 เม.ย. พายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 22 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 37 องศาเซลเซียสลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรส่วนในช่วงวันที่ 15 - 17 เม.ย. อากาศร้อนทางตอนบนของภาค โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 ? 38 องศาเซลเซียสลมใต้ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 11 - 13 เม.ย. ลมตะวันตก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรส่วนในช่วงวันที่ 14 - 17 เม.ย. ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 21 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 36 องศาเซลเซียสภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 11 - 13 เม.ย. ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรส่วนในช่วงวันที่ 14 - 17 เม.ย. ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 22 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 36 องศาเซลเซียสกรุงเทพและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 11 - 12 เม.ย. ฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 - 30 ของพื้นที่ลมใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 13 - 14 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24 - 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 ? 37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 25 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 15 - 17 เม.ย. อากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25 - 29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 ? 38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม.ออกประกาศ 11 เมษายน 2568 12:00 น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 11, 2025, 05:31:08 PM โดย Rakayang.Com »

บันทึกการเข้า