อดีตขุนคลังสหรัฐเตือนเฟดอาจขึ้นดบ.สูงถึง 6% ยังเผชิญแรงกดดันด้านราคา
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (3 ธ.ค. 2565)--นายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีตรัฐมนตรีคลังของสหรัฐเตือนว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระดับสูงมาก
นายซัมเมอร์สเปิดเผยกับเดวิด เวสตินในรายการ วอลล์สตรีท วีค ของบลูมเบิร์ก เทเลวิชันว่า เรามีหนทางอีกยาวไกลในการปรับลดเงินเฟ้อลง ผมคาดว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่มากกว่าที่ตลาดคาดไว้หรือมากกว่าที่กำลังพูดกันอยู่ในขณะนี้
สัญญาอัตราดอกเบี้ยบ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับประมาณ 5% ภายในเดือนพ.ค. 2566 เมื่อเทียบกับกรอบเป้าหมายในปัจจุบันที่ 3.75-4% และบรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้
6% เป็นสถานการณ์ที่เราสามารถคาดการณ์ได้อย่างแน่นอน และผมคิดว่า 5% ไม่ใช่ระดับคาดการณ์ที่ดีที่สุด นายซัมเมอร์สกล่าวถึงการคาดการณ์ระดับสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยเฟด
นายซัมเมอร์สแสดงความเห็นดังกล่าวหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยรายงานการจ้างงานในวันศุกร์บ่งชี้ว่า ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานดีดตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3% และเพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.6% ซึ่งนายซัมเมอร์สกล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวนั้นบ่งชี้ว่า ยังคงมีแรงกดดันด้านราคาที่แข็งแกร่งในเศรษฐกิจสหรัฐ
โดย กัลยาณี ชีวะพานิช