***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $5.8 นลท.ขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังหุ้นพุ่ง
ข่าวต่างประเทศ Tuesday March 2, 2021 07:12 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.8 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,723 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 23.8 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 26.678 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ 1,191.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 35.50 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 2,349 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากข่าวสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน รวมทั้งการอ่อนตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างพุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.521 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2545 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8%
ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐพุ่งสู่ระดับ 60.8 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2561 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 58.9 จากระดับ 58.7 ในเดือนม.ค.
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.19% แตะที่ 91.0406 เมื่อคืนนี้
***น้ำมัน WTI ปิดลบ 86 เซนต์ กังวลโอเปกเพิ่มผลิต,จีนใช้น้ำมันลดลง
ข่าวต่างประเทศ Tuesday March 2, 2021 06:55 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าปริมาณการใช้น้ำมันในจีนอาจลดน้อยลง หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของภาคการผลิตจีน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยลบจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) อาจจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตหลังการประชุมสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 86 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 60.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 73 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 63.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปริมาณการใช้น้ำมันที่ส่งสัญญาณชะลอตัวในประเทศจีน หลังจากผลสำรวจซึ่งมาร์กิตทำร่วมกันไฉซินระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนอยู่ที่ระดับ 50.9 ในเดือนก.พ. ลดลงจากระดับ 51.5 ในเดือนม.ค. โดยดัชนี PMI เดือนก.พ.ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563 เนื่องจากอุปสงค์ในต่างประเทศที่อ่อนแรงลง รวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
รายงานดัชนี PMI ของไฉซินสอดคล้องกับที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตในเดือนก.พ. อยู่ที่ระดับ 50.6 ลดลงจากระดับ 51.3 ในเดือนม.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตหลังการประชุมในวันที่ 4 มี.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่า กลุ่มโอเปกพลัสอาจจะปรับเพิ่มอุปทานน้ำมันเข้าสู่ตลาดในปริมาณสูงถึง 1.5 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐอาจจะคว่ำบาตรมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย หลังหน่วยข่าวกรองสหรัฐระบุว่า มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานทรงอนุมัติปฏิบัติการที่นำไปสู่การสังหารนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุฯ ที่สถานกงสุลซาอุฯในเมืองอิสตันบูลของตุรกีเมื่อปี 2561
***ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 603.14 จุด รับข่าววัคซีน,แผนกระตุ้นศก.คืบหน้า
ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 2, 2021 06:40 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) ทำสถิติทะยานขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2563 หลังสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมทั้งการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,535.51 จุด พุ่งขึ้น 603.14 จุด หรือ +1.95% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,901.82 จุด เพิ่มขึ้น 90.67 จุด หรือ +2.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,588.83 จุด เพิ่มขึ้น 396.48 จุด หรือ +3.01%
ข้อมูลจาก Dow Jones Market Data ระบุว่า ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2563 ขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. 2563 และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 2563
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้การรับรองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หลังจากที่วัคซีนดังกล่าวผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ดีดตัวขึ้น 0.54%
ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ก่อนที่จะส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมาย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกกังวลหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงแตะระดับ 1.43% เมื่อคืนนี้ หลังจากพุ่งสู่ระดับ 1.6% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2563 โดยก่อนหน้านี้ตลาดถูกกดดันอย่างหนักเนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะทำให้ผู้บริโภคและบริษัทต่างๆเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นในการชำระหนี้
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นทั้งหมด นำโดยหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มธนาคาร โดยในส่วนของกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 5.39% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 3.46% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 1.96% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.83%
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นซิตี้กรุ๊ป ทะยานขึ้น 5.52% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับขึ้น 3.98% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.11%
หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจในเร็วๆนี้ โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 1.15% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 1.2% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส บวก 0.27%
หุ้นโบอิ้ง ทะยานขึ้น 5.84% หลังจากสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX จำนวน 25 ลำ เพื่อเตรียมรองรับความต้องการการเดินทางที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นหลังมีการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างพุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.521 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2545 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8%
ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐพุ่งสู่ระดับ 60.8 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2561 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 58.9 จากระดับ 58.7 ในเดือนม.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. และดุลการค้าเดือนม.ค.