ผู้เขียน หัวข้อ: ฉุดกันดิ่งหนัก ดาวโจนส์/ทองคำ/น้ำมัน  (อ่าน 809 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84531
    • ดูรายละเอียด
ฉุดกันดิ่งหนัก ดาวโจนส์/ทองคำ/น้ำมัน
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2021, 08:02:56 AM »

***ดาวโจนส์ปิดร่วง 469.64 จุด วิตกเงินเฟ้อ-บอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday February 27, 2021 06:15 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอีกกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นออกมาท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐซึ่งปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี แต่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาดโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,932.37 จุด ลดลง 469.64 จุด หรือ -1.50%, ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,811.15 จุด ลดลง 18.19 จุด หรือ -0.48% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,192.34 จุด เพิ่มขึ้น 72.91 จุด หรือ +0.56%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 1.8%, ดัชนี S&P500 ลดลง 2.5% และดัชนี Nasdaq ลดลง 4.9% แต่ทั้งเดือนก.พ.นั้น ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นเกือบ 4%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้นราว 3.5% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นราว 1.8%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงต่อเนื่องในวันศุกร์หลังจากดิ่งลงในการซื้อขายช่วงเช้าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ แต่ดัชนีดาวโจนส์ยังคงปิดตลาดปรับตัวขึ้นได้ในเดือนก.พ. เนื่องจากนักลงทุนได้เข้าซื้อหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ หุ้นแอปเปิล, แอมะซอน, ไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบท ดีดตัวขึ้นในวันศุกร์ แต่ยังคงร่วงลงหนักที่สุดในสัปดาห์นี้ในรอบหลายเดือน เนื่องจากถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นอย่างมากของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐปรับตัวลงสู่ 1.451% หลังพุ่งขึ้นแตะ 1.614% ในวันพฤหัสบดี โดยได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตลาดและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งอ่อนไหวอย่างมากกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมูลค่าหุ้นขึ้นอยู่กับผลประกอบการในอนาคตซึ่งจะได้รับผลกระทบเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดลบ โดยกลุ่มพลังงาน ลดลง 2.3% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 0.6%

หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลงด้วยในวันศุกร์ แต่หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ดีดตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม หุ้นเซลส์ฟอร์ซซึ่งเป็นบริษัทซอฟท์แวร์ออนไลน์ ร่วงลง 6.43% หลังจากคาดการณ์ผลกำไรทั้งปีนี้ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้แก่ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 76.8 ในเดือนก.พ. จากระดับ 79.0 ในเดือนม.ค. แต่สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ดีดตัวขึ้น 1.5% ในเดือนม.ค. ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 1.5% ในเดือนม.ค.

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยด้วยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนม.ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.5% หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค. และรายได้ส่วนบุคคลพุ่งขึ้น 10% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค.

***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง 46.6 ดอลล์ เหตุดอลล์แข็ง-บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดตลาด

ข่าวต่างประเทศ Saturday February 27, 2021 06:55 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) โดยถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 46.6 ดอลลาร์ หรือ 2.62% ปิดที่ 1,728.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 โดยในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาทองคำลดลงราว 2.7% และในเดือนก.พ. สัญญาทองคำร่วงลงราว 6.6% ซึ่งเป็นการร่วงลงรายเดือนรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2559

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 1.245 ดอลลาร์ หรือ 4.57% ปิดที่ 26.44 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 46.2 ดอลลาร์ หรือ 3.75% ปิดที่ 1,185.3 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 101.30 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 2,313.50 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันแล้วในวันศุกร์ และร่วงลงในเดือนก.พ.มากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี เนื่องจากการพุ่งขึ้นอย่างมากของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลได้ลดความต้องการซื้อทอง และถ่วงราคาลงปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐปรับตัวลงสู่ 1.451% ในวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1.614% ในวันพฤหัสบดี

ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นในวันศุกร์ถ่วงสัญญาทองคำลงด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.82% สู่ระดับ 90.8690 เมื่อคืนนี้

การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ

***น้ำมัน WTI ปิดร่วง 2.03 ดอลล์ เหตุดอลล์แข็งกระทบตลาด

ข่าวต่างประเทศ Saturday February 27, 2021 06:35 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น นอกจากนี้ นักลงทุนยังขายสัญญาน้ำมันดิบออกมาจากความวิตกเกี่ยวกับการประชุมในสัปดาห์หน้าของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 61.50 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปิดตลาดในสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 3.8% และปิดตลาดทั้งเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นเกือบ 18%

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ซึ่งครบกำหนดส่งมอบแล้ว ลดลง 75 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 66.13 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปิดตลาดในสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 5.1% และปิดตลาดในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นมากกว่า 18% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 1.69 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 64.42 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.82% สู่ระดับ 90.8690 เมื่อคืนนี้

บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมรมว.น้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 3-4 มี.ค.นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการควบคุมการผลิตน้ำมัน โดยในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกพลัสได้ตกลงที่จะจำกัดการผลิตน้ำมันตั้งแต่เดือนก.พ.ไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. ซึ่งได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา