ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวโจนส์,น้ำมันปิดพุ่ง  (อ่าน 631 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84531
    • ดูรายละเอียด
ดาวโจนส์,น้ำมันปิดพุ่ง
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2021, 06:55:12 AM »
***ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 424.51 จุด ถ้อยแถลงพาวเวลช่วยคลายกังวลเงินเฟ้อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 25, 2021 06:39 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) หลังจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มพลังงาน

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,961.86 จุด พุ่งขึ้น 424.51 จุด หรือ +1.35% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,925.43 จุด เพิ่มขึ้น 44.06           จุด หรือ +1.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,597.97 จุด เพิ่มขึ้น 132.77 จุด หรือ +0.99%
นายพาวเวลได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนนี้ว่า การที่อัตราเงินเฟ้อจะแตะระดับเป้าหมายของเฟดได้นั้นอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 3 ปี ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปอีกนาน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร หลังจากนายพาวเวลกล่าวว่า แรงกดดันด้านราคายังคงอยู่ในระดับต่ำ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเป็นการส่งสัญญาณถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) หรือหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มพลังงาน โดยในส่วนของหุ้นกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ทะยานขึ้น 3.58% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 3.10% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 3.07% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 2.42% หุ้นเจพีมอร์แกน บวก 1.76%
 
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.65% ซึ่งแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นวัฏจักรที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 4.93% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 3.67% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดขึ้น 3% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 6.35%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 8.16% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 4.21% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ บวก 1.04% หุ้น 3M เพิ่มขึ้น 0.83% หุ้นฮันนีเวลล์ พุ่งขึ้น 2.93%

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีบางรายเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากนักลงทุนชะลอการเทขาย โดยหุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 3.39% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.15% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดีดขึ้น 1.33% หุ้นไมโครซอฟท์ ขยับขึ้น 0.5%

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวขึ้น 1.3% หลังจากรายงานของเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ระบุว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย และเข้าเกณฑ์ที่จะได้รับการอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉิน โดยรายงานดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่า FDA จะให้การอนุมัติอย่างเป็นทางการต่อวัคซีนต้านโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 6.18% ขานรับข่าวที่ว่า บริษัท ARK Investment Management ได้เข้าซื้อหุ้นของเทสลามูลค่ากว่า 120 ล้านดอลลาร์

หุ้นโลว์ส (Lowe's) ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 3.68% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในปีงบการเงิน 2564 จะลดลงราว 4-8 พันล้านดอลลาร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 4.3% สู่ระดับ 923,000 ยูนิตในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 855,000 ยูนิต

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.



***น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $1.55 ขานรับการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐลดลง


ข่าวต่างประเทศ Thursday February 25, 2021 06:51 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)


สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือนเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยการผลิตน้ำมันดิบลดลงมากกว่า 10% เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตในสัปดาห์ที่ผ่านมา


สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 63.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. 2563


 
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 67.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2563


สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9.7 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ก.พ. ซึ่งลดลงกว่า 10% หรือประมาณ 1.1 ล้านบาร์เรล/วันจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัส


รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 4.8 ล้านบาร์เรล


ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ตลาดน้ำมันจะยังคงเผชิญภาวะตึงตัว เนื่องจากการกลับมาผลิตน้ำมันอีกครั้งของอุตสาหกรรมพลังงานในรัฐเท็กซัสจะเป็นไปอย่างล่าช้า โดยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังจากที่สภาพอากาศที่หนาวเย็นได้กระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซก่อนหน้านี้


นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 มี.ค. โดยมีการคาดการณ์ว่าที่ประชุมจะมีมติผ่อนคลายมาตรการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันหลังเดือนเม.ย. เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว



***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ 8 ดอลลาร์ จากคำสั่งขายสินทรัพย์ปลอดภัย
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 2564)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) เนื่องจากถ้อยแถลงในเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยติดต่อกันเป็นวันที่ 2
          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 8 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 1,797.9 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 17.1 เซนต์ หรือ 0.62% ปิดที่ 27.859 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 18.2 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ 1,257.9 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 87.00 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 2,422.10 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาทองคำร่วงหลุดจากระดับ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากนายพาวเวลได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนนี้ว่า แรงกดดันด้านราคายังคงอยู่ในระดับต่ำ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเป็นการส่งสัญญาณถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
          นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นทำนิวไฮของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 400 จุดหลังจากถ้อยแถลงของพาวเวลช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
          นักวิเคราะห์ระบุว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำเช่นกัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 4.3% สู่ระดับ 923,000 ยูนิตในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 855,000 ยูนิต
          ทางด้านนายแมททิว เชย์ ประธานสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐ (NRF) คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกในสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้น 6.5-8.2% สูงกว่าระดับ 4.33 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ และมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง
           เรามีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยพื้นฐานทางด้านผู้บริโภค, อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และการกระจายวัคซีนในวงกว้าง จะช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ, ยอดค้าปลีก และการใช้จ่ายของผู้บริโภค  นายเชย์กล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 25, 2021, 07:35:11 AM โดย Rakayang.Com »