ผู้เขียน หัวข้อ: หุ้นสหรัฐฯปิดแคบ,ทองลง,น้ำมันบวกเล็กน้อย  (อ่าน 679 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84531
    • ดูรายละเอียด
หุ้นสหรัฐฯปิดแคบ,ทองลง,น้ำมันบวกเล็กน้อย
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2021, 07:35:51 AM »

***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $2.5 เหตุดอลล์แข็ง-นลท.ขายสินทรัพย์ปลอดภัย

ข่าวต่างประเทศ Wednesday February 24, 2021 07:08 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยฉุดราคาทองคำเช่นกัน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 2.5 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 1,805.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 39.7 เซนต์ หรือ 1.41% ปิดที่ 27.688 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 42.6 ดอลลาร์ หรือ 3.32% ปิดที่ 1,239.7 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 57 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 2,335.10 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากนายพาวเวลได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 6% ในปีนี้ โดยเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 หลังมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนในวงกว้าง

ขณะเดียวกันนายพาวเวลคาดว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐอาจดีดตัวกลับขึ้นไปแตะระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่นายพาวเวลปฏิเสธที่จะระบุอย่างชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนนี้หรือไม่

ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 10.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 ปี

ทางด้านผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 91.3 ในเดือนก.พ. จากระดับ 88.9 ในเดือนม.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 90.0 โดยดัชนีความเชื่อมั่นดีดตัวขึ้น หลังมีการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในวงกว้าง

นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.15% แตะที่ 90.1663 เมื่อคืนนี้

แท็ก

***น้ำมัน WTI ปิดลบเล็กน้อย จับตาสต็อกน้ำมันดิบ-การผลิตในเท็กซัส

ข่าวต่างประเทศ Wednesday February 24, 2021 06:51 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์การผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัสที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 61.67 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 65.37 ดอลลาร์/บาร์เรล

ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันค่อนข้างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขาย พร้อมกับจับตาสถานการณ์การผลิตในรัฐเท็กซัส โดยรายงานระบุว่า ตลาดน้ำมันจะยังคงเผชิญภาวะตึงตัว เนื่องจากการกลับมาผลิตน้ำมันอีกครั้งของอุตสาหกรรมพลังงานในรัฐเท็กซัสจะเป็นไปอย่างล่าช้า โดยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังจากที่สภาพอากาศที่หนาวเย็นได้กระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งกล่าวว่า การขาดแคลนกระแสไฟฟ้าในรัฐเท็กซัสได้กระทบต่อการกลั่นน้ำมันราว 1 ใน 5 ของสหรัฐ รวมทั้งการผลิตน้ำมันดิบราว 4 ล้านบาร์เรล/วัน และการผลิตก๊าซธรรมชาติจำนวน 2.1 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน

นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 มี.ค. โดยมีการคาดการณ์ว่าที่ประชุมจะมีมติผ่อนคลายมาตรการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันหลังเดือนเม.ย. เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 4.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ก.พ.

***ดาวโจนส์ปิดบวก 15.66 จุด รับพาวเวลเดินหน้าผ่อนคลายการเงิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 24, 2021 06:35 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป และจะใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,537.35 จุด เพิ่มขึ้น 15.66 จุด หรือ +0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,881.37 จุด เพิ่มขึ้น 4.87 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,465.20 จุด ลดลง 67.85 จุด หรือ -0.50%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากนายพาวเวลได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายด้านเงินเฟ้อและการจ้างงานของเฟด และมีแนวโน้มว่ายังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะมีความคืบหน้ามากขึ้น

ในระหว่างการกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาฯเมื่อคืนนี้ นายพาวเวลย้ำว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ และสร้างความมั่นใจว่าการฟื้นตัวจะมีความแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้ นายพาวเวลยังกล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อ แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดต่ำลง และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนในวงกว้าง ได้สร้างความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 1.61% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.38% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.26% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.43% หุ้นอาปาเช คอร์ปอเรชัน ทะยานขึ้น 3.51%

หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 2.12% ขานรับข่าวเฟซบุ๊กบรรลุข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลออสเตรเลียแล้วเมื่อวานนี้ โดยจะยินยอมให้เพจข่าวสารต่างๆของออสเตรเลียสามารถเผยแพร่ข่าวสารในประเทศได้อีกครั้ง หลังจากรัฐบาลออสเตรเลียยอมเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางอย่างในกฎหมาย Media Code ซึ่งรวมถึงการให้เวลาเฟซบุ๊กในการเจรจากับบรรดาสำนักข่าวและสถานีโทรทัศน์ในท้องถิ่นเป็นเวลา 2 เดือน ก่อนที่จะให้คณะอนุญาโตตุลาการของรัฐบาลออสเตรเลียเข้ามาเป็นตัวกลางในการตัดสินเกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าคอนเทนต์

หุ้นเมซีส์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.93% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 80 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 12 เซนต์/หุ้น

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงถูกเทขายอย่างต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยฉุดดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยหุ้น Nvidia ร่วงลง 1.49% หุ้น Zoom Video Communications ดิ่งลง 1.57% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.53% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.11%

หุ้นเทสลา ร่วงลง 2.19% หลังจากราคาบิตคอยน์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทเทสลาของนายอีลอน มัสก์อาจเผชิญกับการขาดทุน หลังจากที่เทสลาเพิ่งลงทุนในบิตคอยน์มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ และบริษัทประกาศรับบิตคอยน์จากลูกค้าสำหรับการซื้อรถยนต์และผลิตภัณฑ์ของเทสลา

การร่วงลงของราคาบิตคอยน์ยังส่งผลให้หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนร่วงลงด้วย โดยหุ้น Riot Blockchain ดิ่งลง 24.64% หุ้น Marathon Patent ร่วงลง 23.04 % หุ้น Silvergate Capital ร่วงลง 20.08%

นักลงทุนยังคงจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 19 ต่อ 16 อนุมัติร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่นำเสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการสร้างความคืบหน้าให้กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของปธน.ไบเดน และเป็นการปูทางให้มาตรการฉบับนี้ถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเต็มคณะในสัปดาห์นี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 10.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 ปี โดยราคาบ้านได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้ซื้อบ้าน, สต็อกบ้านที่ตึงตัว และอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ระดับต่ำ

ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 91.3 ในเดือนก.พ. จากระดับ 88.9 ในเดือนม.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 90.0 โดยดัชนีความเชื่อมั่นดีดตัวขึ้น หลังมีการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในวงกว้าง

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.