ผู้เขียน หัวข้อ: "เงินบาท"วันนี้เปิดตลาด "ทรงตัว"ที่29.99บาทต่อดอลลาร์  (อ่าน 670 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84444
    • ดูรายละเอียด
"เงินบาท"วันนี้เปิดตลาด "ทรงตัว"ที่29.99บาทต่อดอลลาร์

3 กุมภาพันธ์ 2564  กรุงเทพธุรกิจ




ตลาดการเงินฟื้นตัวต่อเนื่อง ฝั่งเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบเนื่องจากตลาดเลือกจับตาผลการประชุมกนง. ก่อน
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้าทีมกลยุทธ์ตลาดการเงินและวางแผนการลงทุน EASY INVEST บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS) เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 29.99 บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน ประเมินกรอบเงินบาทระหว่างวัน 29.90-30.10 บาทต่อดอลลาร์

ตลาดการเงินฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ทั้งดัชนี S&P 500 ของสหรัฐ และดัชนี Eurofirst 300 ของยุโรปต่างปรับตัวขึ้น 1.78% และ 1.25% ตามลำดับ โดยตลาดหันกลับมาให้ความสนใจกับนโยบายการคลังของสหรัฐล่าสุด ขณะที่หุ้นเก็งกำไรของกลุ่ม Reddit ปรับตัวลงแทบทั้งหมด ทำให้ดัชนี VIX Index ย่อตัวลงมาที่ 25จุด สะท้อนภาพความผันผวนในตลาดที่ผ่อนคลายลง นอกจากนี้ก็มีราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 12 เดือนบนความหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะสามารถฟื้นตัวได้หลังมีวัคซีนด้วย

ภาพการเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัยโดนขายทำกำไร บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุสิบปีขยับขึ้น2bps มาที่ระดับ 1.10% ส่วนราคาทองคำปรับตัวลง 1.4% แตะระดับ 1833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่นักลงทุนกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง เช่นบอนด์ยีลด์บราซิลอายุสิบปีที่ปรับตัวลงถึง 14bps มาที่ระดับ 7.33% และราคาบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ 35,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง

ส่วนฝั่งเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบเนื่องจากตลาดเลือกที่จะจับตาผลการประชุมกนง. ก่อน จึงไม่ได้มีการซื้อขายมากนัก เรามองการที่ดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัวสู่ระดับสูงสุดในรอบเดือนแต่เงินบาทไม่อ่อน สะท้อนภาพความเสี่ยงในเงินยูโรที่เพิ่มขึ้นซึ่งไม่กระทบสกุลเงินอื่น ในระยะถัดไปจึงเชื่อว่าเงินบาทมีโอกาสที่จะแข็งค่าได้ถ้านักลงทุนเริ่มกลับมาสนใจลงทุนใน Emerging Markets ขณะที่ความเสี่ยงหลักอยู่ที่ความผันผวนที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้อีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่นักลงทุนรายย่อยยังซื้อขายหุ้นพร้อมกันในปริมาณมาก

นายพูน พานิชพิบูลย์  นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 29.95-30.05 บาทต่อดอลลาร์

ตลาดเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) จากความหวังว่า รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน อาจจะสามารถผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินกว่า 1.9ล้านล้านดอลลาร์ได้ด้วยเสียงเพียงกึ่งหนึ่งในวุฒิสภาผ่านกระบวนการBudget Reconciliation นอกจากนี้ ตลาดการเงินยังได้รับแรงหนุนจากรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะบริษัทเทคฯ ขนาดใหญ่ อย่าง Amazon ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น โดย ในฝั่งสหรัฐฯ ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 1.4% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ NASDAQ พุ่งขึ้นราว 1.6% ด้านฝั่งยุโรป ดัชนี stoxx50 ก็กลับมาปิดบวก 1.7%

สภาวะการเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ก็ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ เด้งขึ้นเล็กน้อย 2bps สู่ระดับ 1.10% ส่วนในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก จากความหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะกลับมาฟื้นตัวได้แข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะยุโรป หลังการแจกจ่ายวัคซีนในสหรัฐฯเริ่มเร่งตัวขึ้น สวนทางกับการแจกจ่ายวัคซีนที่ล่าช้าในยุโรป ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็อาจฟื้นตัวได้ดีกว่า หากรัฐบาลผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่สำเร็จ โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 91.2 จุด

สำหรับวันนี้ ตลาดจะติดตามความคืบหน้าของกระบวนการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่ารัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะใช้กระบวนการ Budget Reconcilation ซึ่งจะช่วยให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนใหญ่หรืออาจจะทั้งหมดผ่านได้ด้วยเสียงเพียงกึ่งหนึ่งในวุฒิสภา

ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้ เริ่มจากในฝั่งเอเชีย เรามองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวเล็กน้อยในระยะสั้น จากมาตรการควบคุมการระบาด COVID-19 ในหลายพื้นที่ ทำให้ภาคการบริการอาจขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง สะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ โดย Caixin เดือนมกราคม ที่จะลดลงสู่ระดับ 55.8จุด จาก 56.3 ในเดือนก่อน (ดัชนีเกินระดับ 50จุด หมายถึงการขยายตัว)

เช่นเดียวกันกับในฝั่งสหรัฐฯ แม้ว่าโดยรวมภาคการผลิตและการบริการของสหรัฐฯยังอยู่ในภาวะขยายตัวต่อเนื่องทว่าผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 จะกดดันให้ภาคการบริการเริ่มชะลอตัวลง สะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ โดย ISM เดือนมกราคม ที่จะลดลงสู่ระดับ 56.7จุด จาก 57.7 ในเดือนก่อน

และที่สำคัญในวันนี้ ตลาดจะจับตาการประชุมของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเราคาดว่า ธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจอาจชะลอลงมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนธันวาคมทว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจยังไม่มีน้ำหนักมากพอให้ ธปท. จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมครั้งนี้

ในส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท  แม้ว่าเงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่าขึ้น แต่เรามองว่า เงินบาทจะไม่อ่อนค่าไปมากเนื่องจากผู้ส่งออกต่างรอขายเงินดอลลาร์ที่ระดับ 30.05-30.10บาทต่อดอลลาร์ ขณะเดียวกัน หากตลาดไม่ได้มีแนวโน้มปิดรับความเสี่ยงที่ชัดเจน ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็จะไม่ได้ไหลออกจากตลาดหุ้นมากนัก ทำให้ โดยรวมเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบใกล้ระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์ +/- 15 สตางค์ จนกว่าจะมีปัจจัยที่ทำให้ทิศทางของเงินดอลลาร์หรือฟันด์โฟลว์ชัดเจน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 03, 2021, 07:47:36 AM โดย Rakayang.Com »