ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563  (อ่าน 782 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84897
    • ดูรายละเอียด

***ดาวโจนส์ปิดร่วง 200.94 จุด วิตกไวรัสกลายพันธุ์-ข้อมูลศก.ซบเซา

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 23, 2020 06:49 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยปัจจัยลบเหล่านี้ได้บดบังข่าวดีจากการที่สภาคองเกรสสหรัฐบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,015.51 จุด ลดลง 200.94 จุด หรือ -0.67% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,687.26 จุด ลดลง 7.66 จุด หรือ -0.21% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,807.92 จุด เพิ่มขึ้น 65.40 จุด หรือ +0.51%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากข่าวการพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ที่แพร่เชื้อรวดเร็วกว่าเดิมในอังกฤษ ซึ่งทำให้ประเทศต่างๆกว่า 40 ประเทศทั้งในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง ได้ออกมาตรการจำกัดการเดินทางจากอังกฤษ ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาออกกฎข้อบังคับให้ผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจากอังกฤษต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า สภาคองเกรสได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ สภาคองเกรสยังได้อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ที่จะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถเปิดดำเนินการต่อไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2564

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลง 1.74% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 2.93% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.69%

หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงต่อเนื่อง หลังจากหลายประเทศประกาศระงับเที่ยวบินจากอังกฤษ โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 2.46% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 3.85% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.99% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ลดลง 1.05%

หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มโรงแรมปรับตัวลงหลังจากหลายประเทศได้ออกมาตรการจำกัดการเดินทางจากอังกฤษ โดยหุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 5.94% หุ้นนอร์วีเจียน ครูซ ไลน์ ทรุดตัวลง 6.86% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ร่วงลง 2.83% หุ้นไฮแอท โฮเทลส์ คอร์ปอเรชั่น ร่วงลง 1.42% หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ลดลง 0.83% หุ้นฮิลตัน เวิล์ดไวด์ โฮลดิ้ง ร่วงลง 1.06%

อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นแอปเปิลที่ปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.85% หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า แอปเปิล มีแผนที่จะผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในปี 2567

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อบรรยากาศการซื้อขายเมื่อคืนนี้ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 88.6 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 92.9 ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 97.0

ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลง หลังจากเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 5 เดือน โดยร่วงลง 2.5% สู่ระดับ 6.69 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. หลังจากแตะระดับ 6.85 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งสุดท้าย สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 33.4% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้ และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 33.1%

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.

***น้ำมัน WTI ปิดลบ 95 เซนต์ กังวลโควิดฉุดดีมานด์น้ำมัน

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 23, 2020 07:08 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ และการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งในยุโรปและสหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 95 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 47.02 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 83 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 50.08 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ หลังจากพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ที่แพร่เชื้อรวดเร็วกว่าเดิมในอังกฤษ ซึ่งทำให้ประเทศต่างๆกว่า 40 ประเทศทั้งในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง ได้ออกมาตรการจำกัดการเดินทางจากอังกฤษ

ทางด้านสหรัฐนั้น รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาออกกฎข้อบังคับให้ผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจากอังกฤษต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19 นั้น ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า สภาคองเกรสได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ สภาคองเกรสยังได้อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ที่จะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถเปิดดำเนินการต่อไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2564

ขณะนี้ร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ได้ถูกส่งให้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นลำดับต่อไป ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ปธน.ทรัมป์จะลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ธ.ค.

***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $12.5 จากคำสั่งขายสินทรัพย์ปลอดภัย-ดอลล์แข็งฉุดตลาด

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 23, 2020 07:23 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 3 ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 12.5 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 1,870.3 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 84.4 เซนต์ หรือ 3.2% ปิดที่ 25.535 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 6.7 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 1,009.4 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 6.70 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 2,323.10 ดอลลาร์/ออนซ์

การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.68% แตะที่ 90.6500 เมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ

นอกจากนี้ ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 3 ขยายตัว 33.4% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้ และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 33.1%

ทั้งนี้ GDP ในไตรมาส 3 ของสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจ และเริ่มมีการจ้างงาน หลังจากที่ได้ปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19