ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 3 ตุลาคม พ.ศ. 2563  (อ่าน 848 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84444
    • ดูรายละเอียด

***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ 8.7 ดอลลาร์ เหตุดอลล์แข็งค่ากระตุ้นแรงขาย

ข่าวต่างประเทศ Saturday October 3, 2020 06:45 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้กระตุ้นแรงขายสัญญาทอง โดยทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 1,907.6 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ราคาทองปรับตัวขึ้น 2.2%

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 22.5 เซนต์ หรือ 0.93% ปิดที่ 24.029 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 14.6 ดอลลาร์ หรือ 1.61% ปิดที่ 891.4 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.20 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 2,325 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำปรับตัวลง แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และภริยาประกาศว่า พวกเขาติดเชื้อโควิด-19 และเข้าสู่กระบวนการกักกันตัว ขณะที่สัญญาทองคำถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ และในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นักลงทุนได้เลือกเข้าถือดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และขายสัญญาทองออกมา

สำหรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างไร้ทิศทาง โดยนักลงทุนขายทองหลังผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 80.4 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 79.0 จากระดับ 74.1 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นยังคงปรับตัวขึ้น แม้สหรัฐยังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม

ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 661,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 850,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงาน ลดลงสู่ระดับ 7.9% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.2% หลังจากแตะระดับ 8.4% ในเดือนส.ค.

***น้ำมัน WTI ปิดร่วง 1.67 ดอลล์ วิตกข่าวทรัมป์ติดโควิดฉุดตลาด

ข่าวต่างประเทศ Saturday October 3, 2020 06:30 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบออกมา หลังจากมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งได้ตอกย้ำความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลก และอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันตามมา

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 1.67 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 37.05 ดอลลาร์/บาร์เรล และปิดตลาดสัปดาห์นี้ร่วงลง 8%

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 1.66 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 39.27 ดอลลาร์/บาร์เรล และปิดตลาดสัปดาห์นี้ร่วงลง 7.4%

ยูจีน ไวน์เบิร์ก นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของคอมเมิร์ซแบงก์ รีเสิร์ชระบุในวันศุกร์ว่า "ตลาดน้ำมันเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมาก โดยบรรยากาศการซื้อขายและราคาปรับตัวผันผวน"

"ตลาดเผชิญความเสี่ยงทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน" เขากล่าว
ผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า การผลิตน้ำมันโดยรวมของกลุ่มโอเปก เพิ่มขึ้น 160,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.

นักวิเคราะห์ระบุว่า ข่าวการติดเชื้อโควิด-19 ของปธน.ทรัมป์นั้น ได้เพิ่มแรงกดดันต่อตลาดสินทรัพย์โดยรวม รวมถึงสัญญาน้ำมัน

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์ว่า "เมลาเนีย และผม มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก เราจะเริ่มกระบวนการกักตัว และทำการรักษาในทันที เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน"

บรรดานักลงทุนวิตกว่า การติดเชื้อโควิด-19 ของปธน.ทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้ และจะทำให้รัฐบาลสหรัฐระงับแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติม เพื่อหันมาควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด ซึ่งก็จะส่งผลกระทบกับความต้องการใช้น้ำมันตามมา

***ดาวโจนส์ปิดลบ 134.09 จุด นลท.เทขายหุ้นจากวิตกทรัมป์ติดโควิด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday October 3, 2020 06:15 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) เนื่องจากรายงานข่าวที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ติดเชื้อโควิด-19 นั้น ทำให้นักลงทุนพากันเทขายหุ้นออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,682.81 จุด ลดลง 134.09 จุด หรือ -0.48%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,348.42 จุด ลดลง 32.38 จุด หรือ -0.96% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,075.02 จุด ลดลง 251.49 จุด หรือ -2.22%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถ่วงตลาดลงมากที่สุด แต่หุ้นกลุ่มปลอดภัยปรับตัวขึ้น ซึ่งได้ช่วยลดช่วงติดลบของดัชนีดาวโจนส์

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดปรับตัวลงในวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์ยังสามารถปิดตลาดสัปดาห์นี้ บวกขึ้น 1.9%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.5% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 1.5%

ตลาดหุ้นสหรัฐถูกกดดันอย่างหนักในช่วงแรก หลังจากมีรายงานข่าวว่า ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตเมื่อคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐว่า เขาติดเชื้อโควิด-19 และจะเข้าสู่กระบวนการกักกันตัว แต่ตลาดได้ลดช่วงติดลบลง หลังทำเนียบขาวออกมายืนยันว่า ปธน.ทรัมป์ยังคงมีความสามารถในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป แม้เขามีอาการป่วยเล็กน้อยก็ตาม

นักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า "ข่าวทรัมป์ติดโควิดยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ภาวะของตลาดได้สะท้อนให้เห็นถึงการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน"

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้นเพียง 661,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 850,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงาน ลดลงสู่ระดับ 7.9% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.2% หลังจากแตะระดับ 8.4% ในเดือนส.ค.

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนบางส่วน หลังนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐประกาศว่า อาจจะมีการทำข้อตกลงเร็วๆ นี้เกี่ยวกับการที่รัฐบาลสหรัฐจะให้เงินช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบินเป็นวงเงินอีก 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์ระบุด้วยว่า ตลาดกำลังมุ่งความสนใจไปที่แนวโน้มการออกกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ในเร็วๆ นี้ หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์แล้วในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่ไม่มีแนวโน้มว่า มาตรการดังกล่าวจะได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก เนื่องจากมองว่า วงเงินที่พรรคเดโมแครตเสนอนั้นสูงเกินไป

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงมากที่สุด ขณะที่หุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจนั้น ปรับตัวขึ้นมากที่สุด

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถ่วงดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลง โดยหุ้นแอปเปิล ร่วง 3.32%, หุ้นแอมะซอน ลบ 2.99% และหุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 2.95%

หุ้นเทสลา ร่วง 7.38% เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้ขานรับการเปิดเผยยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทในไตรมาส 3 แม้ว่าจะสูงเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ก็ตาม

แต่หุ้นกลุ่มสายการบินพาณิชย์ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด ขานรับข่าวความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐจะอัดฉีดเงินช่วยเหลือรอบใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการบิน โดยหุ้นเดลตา แอร์ไลน์ บวก 2.09%, หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่ง 3.34% และหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 2.36%

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้แก่ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 80.4 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 79.0 จากระดับ 74.1 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นยังคงปรับตัวขึ้น แม้สหรัฐยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม