ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563  (อ่าน 619 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84892
    • ดูรายละเอียด

***ราคาทองร่วงกว่า30ดอลล์

22 พฤษภาคม 2563 
ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี(21พ.ค.)ร่วงลงกว่า 30 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด แม้ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานยังเพิ่มขึ้น

***ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 30.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,721.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 2.44 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.40 ล้านราย

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าว บ่งชี้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้ชาวอเมริกันตกงานสูงถึง 38.6 ล้านรายนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่มีการรายงานในวันนี้ถือว่าต่ำที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว และมีการชะลอตัวติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 นับตั้งแต่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.9 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค.

สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ค. เพิ่มขึ้น 2.52 ล้านราย สู่ระดับ 25.07 ล้านราย

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ พุ่งขึ้น 2.3 ล้านราย และดีดตัวเหนือระดับ 22 ล้านราย

***ราคาน้ำมันดีดตัวทำนิวไฮรอบ2 เดือน

22 พฤษภาคม 2563 
ราคาน้ำมันดีดตัวทำนิวไฮรอบ2 เดือนขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงและราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวก จากการที่รัฐบาลต่างๆพากันผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันพฤหัสบดี(21พ.ค.)ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการลดลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รวมทั้งอุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่รัฐบาลต่างๆพากันผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 43 เซนต์หรือ 1.28% ปิดที่ราคา 33.92 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.87% ปิดที่ 36.06 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 700,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 4.8 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวก จากการที่รัฐบาลต่างๆพากันผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน รวมทั้งการที่ซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. นอกเหนือจากที่ได้ปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงของกลุ่มโอเปก และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส

การลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมดังกล่าว ส่งผลให้ซาอุดีอาระเบียลดกำลังการผลิตรวม 4.8 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย. และจะทำให้ซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมันที่ระดับ 7.492 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย.

ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงของกลุ่มโอเปกพลัส ซาอุดีอาระเบียมีกำหนดผลิตน้ำมันที่ระดับ 8.492 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ค.และมิ.ย.

ทางด้านสหรัฐอาหรับเอมิเรทส์ และคูเวตระบุเช่นกันว่าจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมตามซาอุดีอาระเบีย โดยทั้งสองประเทศจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มอีก 180,000 บาร์เรล/วัน

***วิตกเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ

22 พฤษภาคม 2563
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันพฤหัสบดี(21พ.ค.)ปรับตัวลงท่ามกลางความสัมพันธ์ตึงเครียดรอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนที่ทำให้บรรดานักลงทุนวิตกกังวลว่าจะนำไปสู่การทำสงครามการค้าของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 0.41% ปิดที่ 24,474.12 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ร่วง 0.78% ปิดที่ 2,948.51 จุดและดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 0.97% ปิดที่ 9,284.88จุด

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจ และตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

วุฒิสภาสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ในการอนุมัติร่างกฎหมายซึ่งอาจทำให้บริษัทสัญชาติจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐถูกถอดออกจากตลาด นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังอาจทำให้บริษัทจีนจำนวนมากไม่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ หรือระดมเงินทุนจากนักลงทุนชาวอเมริกันได้ในอนาคต


ข่าวดังกล่าวทำให้บริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท เช่น อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง, ไป่ตู้ อิงค์ และเจดี.คอม ต่างดิ่งลงในวันนี้ เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะถูกถอดออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ หากร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 2.44 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.40 ล้านราย

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าว บ่งชี้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้ชาวอเมริกันตกงานสูงถึง 38.6 ล้านรายนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่มีการรายงานในวันนี้ถือว่าต่ำที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว และมีการชะลอตัวติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 นับตั้งแต่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.9 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค.

สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ค. เพิ่มขึ้น 2.52 ล้านราย สู่ระดับ 25.07 ล้านราย

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ พุ่งขึ้น 2.3 ล้านราย และดีดตัวเหนือระดับ 22 ล้านราย

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

*******************************

โฉมใหม่ขั้นตอนการสมัคร :::  http://rakayang.net/vip/howtoregisterpremiumid.php
ตามนี้เลยครับ  ***สอบถามเกี่ยวกับพรีเมี่ยมไอดี ส่งมาที่ไลน์ไอดี : 0849693999
รับรหัส"พรีเมี่ยม"เพื่อเปิดลิ้งค์ฉบับเต็มคลิกที่นี่เพื่อสอบถาม https://lin.ee/7DBOMZD     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 22, 2020, 07:52:51 AM โดย Rakayang.Com »