ผู้เขียน หัวข้อ: ชุดพยัคฆ์ไพรลุยสวนยางรุกป่าพบนายทุนจ้างคนนอกพื้นที่เข้ากรีดยาง  (อ่าน 501 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84444
    • ดูรายละเอียด
ชุดพยัคฆ์ไพรลุยสวนยางรุกป่าพบนายทุนจ้างคนนอกพื้นที่เข้ากรีดยาง

วันอาทิตย์ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560, 20.11 น. ที่มา บ้านเมืองออนไลน์
  
 
ชุดพยัคฆ์ไพรลุยสวนยางรุกป่าพบนายทุนจ้างคนนอกพื้นที่เข้ากรีดยาง
 
 
สั่งคุมเข้มสวนยางของนายทุนที่ผิดกฎหมาย หลังชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้  ตรวจพบมีการจ้างชาวบ้านนอกพื้นที่เข้ามาหาผลประโยชน์  พร้อมประสานผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด แจ้งผู้นำท้องถิ่นช่วยตรวจตราร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้
 
 
 
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม   นำโดยนายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้     พร้อมด้วยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร  สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วมกับพันเอกพงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการศูนย์การประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.4 กอ.รมน.)  และ  หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  เข้าตรวจสอบสวนยางพาราของนายทุนรายใหญ่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และ ป่าภูเรือ  ท้องที่ตำบลศิลา อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์   หลังชุดการข่าวแจ้งว่า มีบุคคลเข้ามาลักลอบกีดยางพารา ทั้งที่สวนยางดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้
 
 
 
โดยปฎิบัติการครั้งนี้เป้าหมาย คือ  สวนยางหลังบ้านหนองเขียว เนื้อที่หลายร้อยไร่บนเนินเขาที่มีความสูงชัน   จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบแคมป์คนงาน 5 หลัง  เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติจึงขอเข้าตรวจค้นภายในที่พัก พบเลื่อยโซ่ยนต์ 1   เครื่อง พร้อมอาวุธปืนไทยประดิษฐ์อีก 3 กระบอกบริเวณที่นอน แต่เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดพบอุปกรณ์การทำสวนยางภายในโรงเก็บของหลายรายการ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งความดำเนินคดีฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนและเครื่องกระสุน  ปี พ.ศ. 2490 และ    เปลี่ยนแปลงพื้นที่ให้มีหรือใช้เลื้อยโซ่ยนต์แตกต่างจากใบอนุญาต  ตามพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์  ปี พ.ศ. 2545 แล้วควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม  ซึ่งจากข้อมูลเชิงลึกพบว่า เป็นของนายทุนใหญ่รายหนึ่ง
 
 
 
นายอรรถพล เจริญชันษา   รองอธิบดีกรมป่าไม้  กล่าวว่า    ปฎิบัติการครั้งนี้เป็นการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฯ หลังจากการยางแห่งประเทศไทยได้ประสานความร่วมมือขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ควบคุมผลผลิตยางพาราในเขตป่า ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ศูนย์ปฎิบัติการพิทักษ์ป่า เข้มงวดในการตรวจสอบสวนยางพาของนายทุนที่ผิดกฎหมาย   ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังจากพบข้อมูลว่า    กลุ่มทุนที่ถูกดำเนินคดีมีความพยายามเข้ามาหาผลประโยชน์จากสวนยางที่ผิดกฎหมาย   โดยใช้วิธีการจ้างคนงานต่างพื้นที่เข้ามากีดน้ำยาง ล่าสุด  ศูนย์ปฎิบัติการพิทักษ์ป่าได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด   ร่วมถึงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 1-4 และ   ศูนย์การประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร   สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้  เฝ้าตรวจตราไม่ให้มีการเข้าไปกีดยางในสวนยางของนายทุกที่ถูกดำเนินคดี
 
 
 
จากข้อมูลของกรมป่าไม้พบว่า มีสวนยางประมาณ 30 ล้านไร่     อยู่ในเขตป่าไม้ 8.5 ล้านไร่    โดยอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 5.2 ล้าไร่   คาดว่าเป็นของนายทุนประมาณ 1.2 ล้านไร่ ยึดคืนได้ 150,000 ไร่ ซึ่งจะมีน้ำยาง 360,000 ตัน/ไร่/ปี ที่จะควบคุมไม่ให้ออกสู่ตลาด   ส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ที่เข้าดำเนินการในวันนี้   มีสวนยางพาราในเขตป่าทั้งหมดกว่า 60,000   ไร่ สามารถทวงคืนได้ 23,000 ไร่ มีน้ำยาง 5.8 ตัน/ไร่/ปี  ที่จะควบคุมไม่ให้ออกสู่ตลาด
 
 
 
นอกจากนี้   กรมป่าไม้  มีแนวคิดจะนำพื้นที่สวนยางพาราของนายทุนที่ยึดได้ เปิดโอกาสให้ชุมชนในพื้นที่ใช้ประโยชน์ในรูปแบบป่าชุมชน หรือ   ใช้ประโยชน์ในรูปแบบสหกรณ์ชุมชน หรือ จะนำมาเป็นพื่นที่ป่าดังเดิม  ส่วนในพื้นที่ป่าต้นน้ำชั้น 1 ชั้น 2 จะต้องควบคุมโดยเปลี่ยนจากสวนยางพาราที่เป็นพืชเชิงเดี่ยวให้เป็นป่าแบบผสมผสาน  เพื่อให้ป่าต้นน้ำมีความสมดุลในเรื่องการอนุรักษ์ดินและน้ำ ไม่ใช่สวนยางเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  นายอรรถพล  กล่าว.