"บิ๊กฉัตร"จ่องัดใช้ พ.ร.บ.ดัดหลังพ่อค้าปล่อยข่าวทุบราคายางวันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2560 18.21 น. ที่มา แนวหน้า
12 มิ.ย.60 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) จะเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขยายเวลา 4 มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรสวนยางพารา แม้เป็นมาตรการเดิมแต่สามารถทำให้ยางปรับราคาขึ้นไป 3 บาท ทั้งนี้ มีการปล่อยข่าวเพื่อทำให้ยางราคาตก เพราะทุกวันนี้ยางกลายเป็นหุ้นซื้อขายล่วงหน้า มีกลุ่มคนพยายามทำราคาให้ต่ำช่วงเปิดกรีดทุกรอบ
"มีการปล่อยข่าวไม่ดีมาเป็นระลอก ช่วงแรกจะบอกว่าบริษัทผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ไม่รับซื้อยางผสมสารซันฟูริก ต่อมาปล่อยข่าวว่าคุณภาพยางอีสานไม่ดี บริษัทไม่รับซื้อ ซึ่งยืนยันว่าบริษัททุกแห่งยังรับซื้อเหมือนเดิม นอกจากนี้ ปริมาณยางออกตลาดยังไม่มาก แต่มีข้อมูลปล่อยออกมาต่อเนื่องเพื่อทำให้ราคายางตกต่ำ ผมได้สั่งการให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ออกแถลงการณ์ให้ชัดเจน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับตลาด ผมเรียกผู้ว่าฯ กยท.มาพบวันนี้ให้ออกแถลงการณ์อย่างชัดเจน ว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้ยางราคาตก" รมว.เกษตรฯ กล่าว
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ใช้ยางในประเทศให้เป็นผลสำเร็จให้ได้ ตนจึงนัดทุกกระทรวงมาประชุมร่วมกันที่กระทรวงเกษตรฯ ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างจริงจัง หากหน่วยงานไหนยังไม่ดำเนินการอะไร ตนจะแจ้งนายกฯ โดยตรง
"ปัญหาที่ผ่านมาของหน่วยงานอาจยังจัดซื้อไม่ทัน และต้องดำเนินการตามกรอบงบประมาณ และบางหน่วยงานระบุว่าผลิตภัณฑ์ยางบางตัวไม่มีการรับรองมาตราฐานสินค้าอุตสาหกรรม (มอก.) จึงทำให้ไม่สามารถซื้อได้ตามระเบียบพัสดุ ซึ่งขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับรองหลายตัวสินค้าแล้ว โดยให้ทุกกระทรวงมาสรุปถึงปริมาณเป้าหมายใช้ยางในประเทศ พร้อมกันนี้จะดูพระราชบัญญัติควบคุมราคายางพารา ปี 2542 ว่าจะนำมาแก้ปัญหาพ่อค้าคนกลางทุบราคายาง" รมว.เกษตรฯ กล่าว
ด้าน นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรสวนยางนั้นได้ผลต้องเอากลับมาใช้อีก โดยการทำให้เกิดสภาพคล่องทั้งตัวเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ขยายเวลายืดอายุโครงการสินเชื่อ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียน และเพิ่มสินเชื่อ 1 หมื่นล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการ จะทำให้กลไกราคาเดินหน้าต่อไปได้ไม่สะดุด ในช่วงเปิดกรีดเพื่อดูดซับน้ำยาง 2 แสนตัน ซึ่งเทียบเป็น 5% ของปริมาณยางทั่วประเทศจะทำให้ราคาสมดุลขึ้น ตั้งเป้าในระดับ 60 - 70 บาทต่อกก.จากต้นทุนปลูกยางพารา ของสำนักเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) อยู่ที่ 50.30 บาทต่อกก.ซึ่งกลไกราคาของสินค้าเกษตรทำให้มีส่วนต่างบวกขึ้นไปได้ 20% ถือว่ามีเกษตรกรอยู่ได้ ตอนนี้ราคายางขึ้นมา 3 บาท แนวโน้มตอบรับต่อข่าวดี
"เหล้าเก่าขวดใหม่ต้องทำถ้าได้ผล เพราะเกิดความเชื่อมั่นในตลาด ปัญหาราคายางปรับตัวลงในตลาดโลก เป็นเรื่องระยะสั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กยท.ได้เชิญบริษัทยาง 5 เสือ มาพูดคุยเขาอธิบายว่าไม่ได้ทำ ซึ่งเราขอให้ความร่วมมือทางราชการ ช่วยกันทำตลาดให้ดี ต้องสู้ตลาดข้างนอก เวลาแก้ไปแก้ต้นทาง ผมเข้าใจเกษตรกรเดือดร้อน พยายามอีดฉีดเงินกู้ เงินให้เปล่าช่วยเหลือ รายละ 3 พันบาท ที่ชาวสวนยางเงื่อนไขเข้าเกณฑ์ขอรับการสนับสนุนจาก กยท.ซึ่งเกษตรกรอยู่ได้ จะไม่ไปเร่งขายผลผลิตออกมา" นายธีธัช กล่าว
ผู้ว่าฯ กยท.กล่าวว่า เชื่อว่ากลไกตลาดยังทำงานได้ หลังจากรัฐบาลอัดฉีดสินเชื่อลงไป ทำให้ราคายางขึ้นมาในระดับเหมาะสม 60 - 70 กว่าบาทต่อกก.ซึ่งสามารถขึ้นได้เพราะด้วยปัจจัยเศรษฐกิจโลก มีความต้องการใช้อยู่ในกรอบนี้ ถ้าช่วงไหนปริมาณยางน้อย จะได้เห็นราคา 70 บาท หรือยางมากจะอยู่ราคากว่า 60 บาท ในวันนี้ ราคายาง 56 - 57 บาท สูงกว่าปีที่แล้ว
"ขณะนี้ยังไม่ความจำเป็นต้องตั้งจุดรับซื้อหรือเข้าไปแทรกแซงตลาด เพราะกลไกตลาดยังทำงานได้ สิ่งสำคัญเร่งสร้างความเข้มแข็งให้ เกษตรกร สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการ พร้อมกับช่วยด้านรายได้ให้เงินเกษตรกร 11,460 ครัวเรือน 17 ล้านบาท ก่อนหน้านี้จ่ายไปแล้วให้เจ้าของสวนยาง 7.1 แสนครัวเรือน คนกรีดยาง 6.7 แสนครัวเรือน ส่วนปัญหาพ่อค้าทุบราคายาง รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ แต่ยังไม่ถึงกับต้องใช้มาตรา 44 ตามที่เกษตรกรเสนอ ซึ่ง รมว.เกษตรฯ จะนำ พ.ร.บ.ควบคุมราคายาง มาบังคับใช้ ตรวจสอบบัญชี ตรวจสต็อกยาง การซื้อขาย หากพบผิดปกติ ก็ยึดใบอนุญาตซื้อขาย โดย รมว.เกษตรฯ ให้ กรมวิชาการเกษตร ที่มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว มีคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง เข้าพิจารณาดำเนินการได้ทันทีเมื่อตลาดเกิดสภาวะผิดปกติ" นายธีธัช กล่าว
แหล่งข่าว http://www.naewna.com/local/275059 
