พายุฤดูร้อนถล่มรอบ2-ดอยเต่าแห้งเป็นทะเลทรายโดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 27 เม.ย. 2559 07:47 เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ผู้สื่อข่าวไปสำรวจบริเวณถนนสายอุตรดิตถ์-ศรีสัชนาลัย หลังจากเมื่อกลางดึกวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมาได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนราษฎรพังเสียหาย มีต้นไม้ใหญ่หักโค่นล้มขวางถนนเป็นจำนวนมาก จนท.กู้ภัยอุตรดิตถ์สงเคราะห์ต้องใช้เลื่อยยนต์ตัดกิ่งไม้ที่ล้มทับขวางถนน ในเขตพื้นที่ อ.ตรอน อ.เมือง อ.ลับแล เพื่อให้รถสัญจรไปมาได้ตามปกติ นอกจากนี้บริเวณทางเข้าวัดพระนอน ต.ทุ่งยั้ง อ.ลับแล พบต้นมะม่วงขนาดใหญ่หักทับรถบัสนำเที่ยว 2 ชั้น ของแม่ศรีสมบัติทัวร์ ที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ 2 คัน ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีคนบาดเจ็บ บริเวณห้องแถวเช่าหลายหลังกระเบื้องหลังคาแตกกระจาย บางหลังถูกพายุพัดจนสังกะสีปลิวว่อน ขณะที่ช่วงเช้าวันเดียวกัน กำลังพลทหารกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 20 ค่ายพระศรีพนมมาศ จนท.เทศบาลตำบลทุ่งยั้งได้ไปช่วยเหลือชาวบ้านบ้านไผ่เขียว หมู่ 2 ต.ทุ่งยั้ง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์
นายฉลาด มีรอด อายุ 41 ปี เปิดเผยว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นลมพายุหมุนรุนแรงขนาดนี้มาก่อน ความแรงของลมสามารถพังกำแพงคอนกรีตพังทลายได้ นอกจากนี้ต้นไม้ยังล้มทับรั้วกำแพงวัดพังด้วย ขณะที่ชาวบ้านได้ทยอยเข้าไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 จากการสำรวจพบว่ามีบ้านเรือนประชาชนเสียหายทั้งตำบล ประมาณ 50 กว่าหลังคาเรือน เสียหายเกือบทั้งหลังจำนวนกว่า 10 หลังคาเรือน สรุปความเสียหายในเบื้องต้นของ จ.อุตรดิตถ์ ใน 3 อำเภอ 4 ตำบล 10 หมู่บ้าน ได้แก่ ต.ทุ่งยั้ง ต.พระเสด็จ อ.ลับแล ต.ท่าสัก อ.พิชัย ต.หาดสองแคว อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ มีบ้านเรือนเสียหายจากพายุถล่มรวม 91 หลังคาเรือน
จ.นครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชาวประมงพื้นบ้านรอบพื้นที่บึงบอระเพ็ด หมู่ 5 ต.พระนอน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ไม่สามารถนำเรือออกหาปลาได้ เนื่องจากบึงบอระเพ็ดประสบกับปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรง น้ำในบึงแห้งขอด พืชและพันธุ์ปลาที่เคยชุกชุมได้ลดจำนวนลงอย่างมากเช่นกัน นายวิเชียร สังข์เหม ชาวประมงพื้นบ้าน บอกว่าบึงบอระเพ็ดแห้งขอดมานานกว่า 5 เดือนแล้วและยังลดลงอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถเดินเรือออก ไปหาปลาได้ ชาวประมงพื้นบ้านหลายคน ต่างหยุดจับปลา ต้องจอดเรือทิ้งไว้ ทำให้ขาดรายได้ สร้างความเดือดร้อนให้อย่างมาก จึงต้องดิ้นรนออกเรือไปเก็บสายบัวริมบึงมาขายเพื่อสร้างรายได้ทดแทน
จ.เชียงใหม่ น.ส.ภัทราพร ลายจุด นายอำเภอแม่ออน เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากทางจังหวัดให้เวลา 60 วันตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย.ให้งดการเผาป่าทุกชนิด แต่ขณะนี้หมอกควันใน จ.เชียงใหม่ ยังเกินค่ามาตรฐานใน อ.แม่ออน มี 6 ตำบล 49 หมู่บ้าน เป็นป่าเขา 100% ชาวบ้านยังลอบเผาป่า สร้างปัญหาให้กับ จนท.ดับเพลิงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ประกอบกับช่วงหน้าแล้งนอกจากขาดแคลนน้ำเกิดปัญหาหมอกควันพิษอีกด้วย
ที่ อ.สันกำแพง นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล นายอำเภอสันกำแพง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกำนันผู้ใหญ่บ้านว่ายังมีชาวบ้านบางตำบลลอบเผาหญ้าแห้งและ เผาป่า สร้างปัญหาหมอกควันให้กับคนในท้องถิ่น ขณะที่ภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะประกอบกับความกดอากาศสูงค่าอากาศ (PM) และหมอกควันยังเกินค่ามาตรฐานและจำนวน (HOTSPOT) มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงขอความร่วมมือหน่วยราชการและส่วนท้องถิ่น เร่งประชาสัมพันธ์งดการเผาทุกชนิด พร้อมกับให้สร้างแนวกันไฟ ไม่ให้ลุกลามเข้าไปในเขตป่าสงวนหรืออุทยานแห่งชาติ และดำเนินการเด็ดขาดกับผู้ที่ฝ่าฝืน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า น้ำในแม่น้ำปิง บริเวณท่าศูนย์ หมู่ที่ 3 ต.ท่าเดื่อ อ. ดอยเต่า ซึ่งแหล่งผลิตน้ำประปา ของ อบต.ท่าเดื่อ และเทศบาลท่าเดื่อ แห้งขอดตลอดสาย มองดูคล้ายทะเลทราย มีแต่เม็ดทรายและก้อนกรวด ทางเทศบาลท่าเดื่อ ต้องขุดลึกลงไป 5 เมตร จึงพบน้ำ แต่สูบได้เพียง 3 ชั่วโมง น้ำก็หมด นายอนวัช สัตตบุษย์ นายอำเภอดอยเต่ากล่าวว่า ปีนี้ อ.ดอยเต่า แล้งรุนแรงกว่าทุกอำเภอใน จ.เชียงใหม่ ขณะนี้ได้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆในเบื้องต้นแล้ว สามารถเยียวยาได้ในระดับหนึ่ง ด้านนายสมชาย สมสวาท อายุ 45 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ ในพื้นที่ ต.บ้านแอ่น อ.ดอยเต่า กล่าวว่า ปกติต้องสูบน้ำจากแม่น้ำปิงมาเลี้ยงสัตว์ แต่ปีนี้น้ำไม่พอ ต้องไปบรรทุกน้ำและอาหารจากที่อื่นมาเลี้ยง ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น.