ผู้เขียน หัวข้อ: กลุ่มชาวสวนยางรายย่อยพัทลุงรวมตัวตั้ง ?กองทุนข้าวสาร? ช่วยเหลือกันช่วงหน้าฝน  (อ่าน 618 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84473
    • ดูรายละเอียด
กลุ่มชาวสวนยางรายย่อยพัทลุงรวมตัวตั้ง ?กองทุนข้าวสาร? ช่วยเหลือกันช่วงหน้าฝน
โดย MGR Online

17 พฤศจิกายน 2558 17:14 น.


กลุ่มชาวสวนยางรายย่อยพัทลุงรวมตัวตั้ง ?กองทุนข้าวสาร? ช่วยเหลือกันช่วงหน้าฝน height=450


พัทลุง - กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อย และลูกจ้างกรีดยาง ต.ตลองใหญ่ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง รวมกันจัดตั้ง ?กองทุนข้าวสาร? เพื่อช่วยเหลือกันในช่วงฤดูฝน
       
        วันนี้ (17 พ.ย.) ที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านคลองใหญ่ ท้องที่หมู่ 9 ต.ตลองใหญ่ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อย และลูกจ้างกรีดยางได้ระดมทุนเรือนหุ้นจัดตั้งกองทุนข้าวสาร เพื่อนำมาจำหน่ายให้สมาชิกในราคาถูกกว่าท้องตลาด เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนตก เกษตรกรชาวสวนยางที่เป็นลูกจ้าง และเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยไม่สามารถออกไปกรีดยางได้ แต่ค่าครองชีพยังคงสูงเป็นปกติ ต้องแบกรับรายจ่ายประจำวันทั้งค่าอาหาร ค่าส่งบุตรหลานเรียน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ จึงได้มีแนวคิดในการจัดตั้งกลุ่มกองทุนข้าวสาร เพื่อช่วยเหลือกันในสภาวะฝนตก และขาดรายได้


กลุ่มชาวสวนยางรายย่อยพัทลุงรวมตัวตั้ง ?กองทุนข้าวสาร? ช่วยเหลือกันช่วงหน้าฝน height=450




 โดย นายดร พุมมาลี อายุ 42 ปี ประธานกลุ่มเครือข่ายคนกรีดยางและชาวสวนยางรายย่อยพัทลุง กล่าวว่า ในทุกปีช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่ชาวสวนยางรายย่อย และลูกจ้างต้องใช้ชีวิตแบบอัตคัด มีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย จึงได้นั่งคิดร่วมกับเพื่อนสมาชิกว่าจะจัดตั้งกองทุนข้าวสารเพื่อไว้ในการ ช่วยเหลือสมาชิก โดยให้สมาชิกกว่า 600 ครอบครัวได้ลงขัน ลงทุน ระดมหุ้นเพื่อจัดชื้อข้าวสารมาขายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดจากปกติ อย่างข้าวหอมมะลิท่อน ราคากิโลกรัมละ 20 บาท ทางกองทุนข้าวสารได้ชื้อมากิโลกรัมละ 16 บาท และจะนำมาจำหน่ายให้แก่สมาชิกในราคากิโลกรัมละ 18 บาท และส่วนต่าง 2 บาทที่ได้จะนำมาใช้เป็นสวัสดิการแก่สมาชิกมีการปันผลเรือนหุ้นปลายปีต่อไป
       
        นายดร ยังกล่าวอีกว่า ชาวสวนยางรายย่อยและลูกจ้างคนกรีดยางเป็นครอบครัวใหญ่หาเช้ากินค่ำ อยู่กันครอบครัวละ 8-10 คน ในแต่ละวันต้องใช้ข้าวสารถึง 5 กิโลกรัม ซึ่งการตั้งกองทุนข้าวสารทำให้ประหยัดรายจ่ายได้ถึงครอบครัวละ 300-500 บาทต่อเดือน โดยเงินส่วนนี้สามารถเอาไปซื้อกับข้าว หรือค่าอาหารให้กับบุตรได้ และชาวสวนยางที่นี่ไม่ได้รับค่าชดเชย หรือการช่วยเหลือจากภาครัฐไร่ละ 2,560 บาทต่อไร่ และ 1,000 ต่อไร่ และการให้กู้เงิน 100,000 บาท จากสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางก็ไม่สามารถกู้ได้ เพราะที่ดินที่นี่ไม่มีเอกสารสิทธิ
       
        ด้าน นางเบญจมล ไพรพฤกษ์ อายุ 45 ปี สมาชิกลูกจ้างกรีดยาง กล่าวว่า ดีใจที่ได้ร่วมกันตั้งกองทุนข้าวสาร เพื่อจัดชื้อข้าวสารมาจำหน่ายให้แก่ชาวสวนยางพารารายย่อย ทุกปีในช่วงหน้าฝนไม่มีรายได้เท่าที่ควร และต้องกู้หนียืมสิน เพราะค่าใช้จ่ายยังต้องใช้จ่ายตามปกติ

กลุ่มชาวสวนยางรายย่อยพัทลุงรวมตัวตั้ง ?กองทุนข้าวสาร? ช่วยเหลือกันช่วงหน้าฝน height=450