ชงคสช.เลิกสัญญาขายยาง'ไห่หนาน'
เผยสัญญาองค์การสวนยางไม่สามารถเอาผิดได้
"ไห่หนาน"เบี้ยวสัญญารับซื้อยางจากไทย กว่า2 แสนตัน กิโลกรัมละ 60 บาท หลังรับมอบ ได้เพียง 1.7 หมื่นตัน "ฉัตรชัย"เสนอ"ประวิตร" เลิกสัญญา 11 พ.ย.นี้ เปิดขายผู้ซื้อรายใหม่ทั้งไทย-ต่างชาติ
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในการ ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันที่ 11 พ.ย.นี้ จะมีการเสนอความ คืบหน้าสัญญาซื้อขายยางในสต็อกรัฐบาลให้พิจารณา ขณะนี้ยังไม่ส่งมอบประมาณ 1.85 แสนตัน
ตามสัญญาซื้อขายระหว่างองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.)และบริษัท ไชน่า ไห่หนาน รับเบอร์ อินดัสทรี กรุ๊ป จำกัด(ไห่หนาน) หากถึงวันที่ 21 ธ.ค.2558 ทางไห่หนาน ยังไม่มาจ่ายค่าเปรียบเทียบปรับ ในกรณี ผิดนัดรับมอบยางมูลค่าประมาณเดือนละ 40 ล้าน บาท ก็จะยกเลิกสัญญา และนำยางออกขาย
"ที่ผ่านมายังไม่สามารถบอกเลิกสัญญา ระหว่าง อ.ส.ย.กับไห่หนานได้ เนื่องจากยังมีเงินส่วนเกินที่ไห่หนาน จ่ายไว้กว่า100 ล้านบาท ที่อ.ส.ย.แต่หากไห่หนานทิ้งเวลาเนิ่นนาน จนเงิน ที่อยู่กับอ.ส.ย.หมดสัญญาลง ก็จะบอกเลิกสัญญา และจำนำยางออกขายให้กับผู้ที่ต้องการซื้อในตลาด ทั้ง 5 เสือส่งออกหรือเอกชนรายอื่นๆ รวมทั้งผู้ซื้อ จากต่างประเทศ เพราะรัฐบาลไม่ปิดกั้นผู้ซื้อ ขอให้ประโยชน์ตกกับประเทศ"พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า สัญญาดังกล่าวได้สิ้นสุดการซื้อขายและส่งมอบไปเมื่อ 21 ก.ย.2558 แต่ไห่หนานยืนยันที่จะยังมอบยาง ทำให้กระทรวง เกษตรฯจำเป็นต้องยืดเวลาให้อีก 3 เดือน แต่จนถึงปัจจุบันนี้ไห่หนาน ก็ยังไม่มารับยางส่วนที่เหลือ แสดงว่าไม่ต้องการซื้อยางแล้ว
"รัฐบาลก็จำเป็นต้องนำยางออกขายในราคา ตลาด หากมีผู้เสนอซื้อที่ราคาตลาด และทำให้รัฐบาลไม่มีภาระเรื่องสต็อกก็จะขาย อาจจะเป็นการเสนอซื้อที่กิโลกรัมละ 40 บาท เราก็สามารถขายได้เพราะราคาใกล้เคียงตลาด"
การนำยางออกขาย หลังจากสิ้นสุดสัญญา ระหว่างอ.ส.ย.กับไห่หนาน หากราคาสุดท้ายที่ ตกลงขายกับผู้ซื้อรายใหม่ ต่ำกว่าราคาที่ไห่หนาน เสนอมา เท่าที่ตรวจสอบสัญญาซื้อขายแล้ว อ.ส.ย. ไม่สามารถเคลมราคายางที่หายไปจากการประวิงราคาส่งมอบยางกับไห่หนานได้
ก่อนหน้าเคยเข้าใจว่าหากยกเลิกสัญญากับ ไห่หนาน แล้วนำยางออกขาย รัฐบาลจะไม่เสีย เปรียบสามารถเคลมเงินส่วนต่างจากไห่หนาน ที่สัญญาซื้อไว้ที่ 62 บาทต่อกิโลกรัมได้ แต่ เท่าที่ตรวจสอบสัญญาทำไม่ได้
ก่อนหน้านี้ คิดว่าหากขายยางให้ผู้ซื้อราย ใหม่ในราคากิโลกรัมละ 40 บาท ส่วนต่างระหว่างราคาขายกับราคาในสัญญาซื้อขายระหว่าง อ.ส.ย. กับไห่หนานอยู่ที่กิโลกรัมละ 22 บาท สามารถนำไป เคลมเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยกับไห่หนานได้ แต่เมื่อดูสัญญาการซื้อขายแล้วไม่สามารถเคลมได้
"ผมมอบให้นายอำนวย ปะติเส ที่ปรึกษาไปหารือกับผู้ส่งออกยางรายใหญ่ ไปแล้วเพื่อสอบถามความสนใจว่าจะพร้อมรับซื้อยางในสต็อกที่เหลืออยู่หรือไม่ เพราะยางดังกล่าวกระทรวงเกษตรฯ ต้องระบายออกอยู่แล้วเพื่อ แต่จะเป็นวิธีการใดต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง"
สำหรับการส่งมอบยางช่วงที่ผ่านมา ตามสัญญาที่เกิดขึ้นทางไห่หนาน มีการรับมอบยางไปแล้ว ทั้งสิ้น 1.7 หมื่นตัน มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท และมีแอลซี เพื่อขอรับมอบอีก 1 หมื่นตัน ในช่วงที่ยืดสัญญาให้ แต่อ.ส.ย.ไม่สามารถส่งมอบ ได้ เนื่องจากไห่หนานไม่จ่ายค่าปรับที่เกิดขึ้น เดือนละ 40 ล้านบาท ดังนั้นปัจจุบันจึงเหลือยางอยู่ในสต็อกรวมประมาณ 1.85 แสนตัน
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ฉัตรชัยได้ระบุว่า สต็อกยาง 1.85 แสนตัน ได้เสื่อมคุณภาพลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจพบยางคุณภาพดีมีประมาณ 30% แต่หากเวลาส่งมอบเนิ่นนาน ส่งผลให้คุณภาพยางลดลงต่อเนื่อง ขณะนี้มียางคุณภาพดีไม่ถึง 15% ที่ผ่านมามีความเสียหายส่งผลให้ยางล็อตนี้ รัฐบาลขาดทุนประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาท หากปล่อยให้เนิ่นนานอาจเสียหายมากกว่า 10,000 ล้านบาท
สำหรับไห่หนานซึ่งเป็นคู่สัญญากับ อ.ส.ย. กรณีการรับซื้อยางในสต็อกของรัฐบาล 2.08 แสนตัน ได้สิ้นสุดสัญญาไปเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่บริษัทรับมอบยางได้เพียง 1.7 หมื่นตันทำให้เหลือ ยางที่ยังไม่สามารถส่งมอบขณะนี้ 1.85 แสนตัน ทั้งนี้ตามสัญญาแนบท้ายที่ไห่หนานต้อง ซื้อยางจากอ.ส.ย.อีก 2 แสนตัน สิ้นสุดสัญญาเดือนมี.ค.2559
กรุงเทพธุรกิจ (Th)
