ผู้เขียน หัวข้อ: ข่าวด่วน สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศและในประเทศ 09/09/58  (อ่าน 345 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84905
    • ดูรายละเอียด
สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศและในประเทศ 09/09/58


สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -9 ก.ย. 58 8:13: น.


สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
                ? IMF เรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเร่งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ หลังจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาและความผันผวนในตลาดหุ้น ส่งผลกระทบต่อกลุ่มตลาดเกิดใหม่
                ? ยอดซื้อสินค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. และชะลอตัวลงจากอัตราการเติบโตที่ 2.2% ต่อปีในเดือน ก.ค.
                ? ยอดส่งออกของจีนในเดือน ส.ค. ลดลงต่ำกว่าคาดที่ 5.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนการนำเข้าลดลงเช่นกันที่ 13.8% ซึ่งลดลงเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน สะท้อนว่าเศรษฐกิจจีนยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแออย่างต่อเนื่อง
                ? คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ของจีนได้อนุมัติโครงการสร้างทางรถไฟ 2 โครงการมูลค่ารวม 7.0 หมื่นล้านหยวน (1.1 หมื่นล้านดอลลาร์) รวมถึงการเตรียมขายหุ้นรัฐวิสาหกิจ (SOE) และปรับโครงสร้างธุรกิจบางส่วน เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในรัฐวิสาหกิจจีนเพื่อแข่งขันในตลาด ซึ่งถือเป็นการดำเนินการล่าสุดเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีน
                ? ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่นในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2558 หดตัวลง 1.2% แต่ปรับตัวดีขึ้นจากรายงานเบื้องต้นที่ระบุว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 1.6% ทั้งนี้ รมว.เศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ เพิ่มการใช้จ่ายด้านทุนมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
                ? จำนวนบริษัทล้มละลายในญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 13.1% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายปี เหลือ 632 บริษัท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในรอบ 25 ปี หลังจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นในระดับปานกลาง
                ? มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุว่า การอ่อนค่าลงของเงินริงกิตมีผลกระทบที่จำกัดต่อมาเลเซีย แต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลงจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของภาคเอกชน ส่วนความเสี่ยงโดยตรงของธนาคารมาเลเซียต่อจีนอยู่ในระดับที่จำกัด แต่คุณภาพสินทรัพย์ในประเทศอาจถูกกดดัน เมื่อพิจารณาจากสัดส่วนการส่งออกของมาเลเซียไปยังจีน
                ? ความต้องการพันธบัตรญี่ปุ่นของนักลงทุนต่างประเทศพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีในเดือนส.ค. ขณะที่การลดค่าเงินหยวนแบบกะทันหันของจีนทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรในค่าเงินเยน และอัตราดอกเบี้ยติดลบในยุโรปทำให้เยนเป็นทางเลือกที่น่าดึงดูดใจสำหรับเม็ดเงินสำรอง
 
สรุปข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
                ? ครม.อนุมัติปิดโครงการรถยนต์คันแรก ในวันที่ 30 ก.ย.58 โดยยังมีรถยนต์ที่ได้จองไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ขอเงินภาษีคืนอีกเกือบ 1 แสนคัน ส่วนข้อเสนอของภาคเอกชนที่ขอให้มีการปลดล็อคเพื่อให้สามารถขายรถยนต์ในโครงการได้ก่อนเวลา 5 ปี ยังไม่ได้มีการพิจารณา
                ? นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SME) ซึ่งประกอบด้วย มาตรการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 1 แสนล้านบาท โดยให้ธนาคารออมสินเป็นแกนนำร่วมกับธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ย 4% รวมทั้งมาตรการลดหย่อนภาษีให้กับ SME ที่มีกำไรในส่วนที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท เหลือ 10% ใน 3 ปีบัญชี พร้อมเตรียมเงินจากธนาคารของรัฐรวม 6,000 ล้านบาทตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือฐานทุนให้กับ SME รายใหม่
                ? พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า รัฐบาลจะเริ่มดำเนินการจ่ายเงินเข้าสู่ระบบผ่านกองทุนหมู่บ้านตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะแรกในวันจันทร์ที่ 14 ก.ย.เป็นต้นไป โดยยืนยันว่ารัฐบาลต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและไม่ใช่โครงการประชานิยม
                ? ธปท. เปิดเผยว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาทในขณะนี้ ถือว่าสอดคล้องกับทิศทางเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากตลาดส่วนใหญ่มองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ หลังจากที่สหรัฐ ประกาศอัตราการว่างงานลดลงแตะ 5.1% และตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยปรับเพิ่มสูงกว่าที่คาดการณ์ อย่างไรก็ดี เงินบาทที่อ่อนค่าลงแตะ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่เดือน มี.ค.2552
                ? SET Index ปิดที่ 1,379.32 จุด เพิ่มขึ้น 7.92 จุด หรือ +0.58% มูลค่าซื้อขาย 35,754.91 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค หลังจากจีนอนุมัติการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจและการปฏิรูปตลาดการเงินด้วยการส่งเสริมให้คนลงทุนระยะยาวมากขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศก็ได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังรอผลการประชุม FED เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า
                ? อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง 0.9% มูลค่าการซื้อขาย 82,278.22 ล้านบาท สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 12 ปี มูลค่า 10,000 ล้านบาท

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (8 ก.ย. 58)
กลุ่มนักลงทุน                 ล้านบาท
นักลงทุนสถาบัน            -911.00
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ +1,741.67
นักลงทุนต่างชาติ       -1,150.08
นักลงทุนทั่วไป           +319.41
 
ที่มา : Good Morning News บลจ.บัวหลวง


เรียบเรียง โดย ประน้อม บุญร่วม  
                อีเมล์. reporter@efinancethai.com