9-13 ก.ย. ทั่วไทยฝนลดลง ก่อนกลับมาตกหนักอีกโดย ไทยรัฐออนไลน์ 8 ก.ย. 2558 06:55 ทั่วไทยฝนลดลง แต่หลังจาก พรุ่งนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 13 กันยายน จะกลับมาตกมากขึ้นอีกครั้ง หลายพื้นที่อุณหภูมิสูงขึ้น โดยเฉพาะภาคกลาง แดดจะเริ่มแรงตั้งแต่ช่วงสาย อาจจะร้อนเป็นพิเศษในช่วงบ่าย ส่วนพายุโซนร้อน ETAU จ่อขึ้นฝั่งที่ญี่ปุ่นบ่ายวันพรุ่งนี้ แนะตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง ...
วันที่ 8 กันยายน จากการตรวจสอบสภาพอากาศเช้านี้ พบว่าร่องมรสุมยังคงพาดผ่านบริเวณประเทศพม่าและประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนลดลง แต่หลังจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 13 กันยายนนี้ ร่องมรสุมก็จะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยกลับมามีฝนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ในขณะที่ภาพถ่ายดาวเทียมเช้านี้ก็พบว่า บริเวณภาคเหนือและภาคอีสานมีเมฆเป็นส่วนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นเมฆชั้นต่ำ และเมฆฝน กระจายตัวอยู่บริเวณภาคอีสาน และภาคเหนือตอนบน นอกจากนี้ยังพบกลุ่มเมฆฝนเล็กน้อยในภาคตะวันออก ในขณะที่ภาคอื่นๆ เช้านี้ กลุ่มเมฆค่อนข้างบางตา
จากการคาดการณ์ปริมาณสะสมฝนวันนี้ก็พบว่าตลอด 24 ชั่วโมงจากนี้เป็นต้นไป พบว่าวันนี้ยังคงมีฝนสะสมน้อย ส่วนใหญ่นั้นสะสมตัวอยู่แถวๆ ภาคเหนือตอนบน ฝั่งตะวันตก อีสานตอนล่าง และภาคใต้ตอนล่าง แต่ทางตอนบนจนถึงตอนกลางมีปริมาณฝนสะสมไม่ถึง 20 มิลลิเมตร ส่วนบริเวณตอนใต้วันนี้ พบพื้นที่ที่มีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 20 มิลลิเมตร แสดงสัญลักษณ์เป็นสีเขียว อยู่บริเวณจังหวัดสตูล และสงขลา
ในขณะที่ลักษณะการกระจายตัวของฝนวันนี้ก็พบว่า ช่วงสายถึงช่วงเที่ยงวันนี้พบกลุ่มฝนเล็กๆ กระจายตัวเป็นหย่อมๆ ในภาคเหนือ และอีสานตอนบน ช่วงบ่ายเริ่มพบกลุ่มฝนเคลื่อนเข้ามาบริเวณภาคตะวันออก และฝั่งตะวันตกของประเทศ ช่วงบ่ายแก่ๆ กลุ่มฝนเริ่มขยายพื้นที่กว้างมากขึ้นในภาคตะวันออก ส่วนกลุ่มฝนทางตะวันตกเคลื่อนเข้ามาและกินพื้นที่มากขึ้นบริเวณภาคกลางตอนบน ก่อนที่ช่วงเย็นจะเน้นตกในจังหวัดลพบุรี และช่วงดึกเริ่มพบกลุ่มฝนมากขึ้นและหนักขึ้นตั้งแต่จังหวัดลพบุรี นครราชสีมา สระแก้ว ยาวออกไปยังประเทศกัมพูชา
ส่วนสถานการณ์ฝนทางตอนใต้นั้น ช่วงสายกลุ่มฝนเริ่มเคลื่อนเข้ามาตกบริเวณตอนกลางของภาคที่พังงา กระบี่ ช่วงเที่ยงเริ่มพบกลุ่มฝนเพิ่มบริเวณตอนล่างของภาค ก่อนที่ช่วงบ่ายจะพบกลุ่มฝนกินพื้นที่มากขึ้น ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ ตรัง สตูล พัทลุง สงขลา ยะลา และจะซาลงในช่วงบ่ายแก่ๆ ก่อนจะกลับมาตกเพิ่มหนักขึ้นอีกครั้งในช่วงเย็น บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง และจะค่อยๆ ตกหนักขึ้นในบริเวณดังกล่าวไปจนถึงช่วงดึก
จากฝนที่เริ่มลดลงตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับกลุ่มเมฆที่บางตา ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตอนนี้หลายพื้นที่ อุณหภูมิไต่ระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคกลาง แดดจะเริ่มแรงตั้งแต่ช่วงสาย และอาจจะร้อนเป็นพิเศษในช่วงบ่าย ความรู้สึกร้อนสูงสุดวันนี้ไต่ระดับไปอยู่ที่ประมาณ 38-39 องศาเซลเซียส
ส่วนอุณหภูมิแต่ละภาคเป็นดังนี้
ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย สกลนคร อุดรธานี บุรีรัมย์ และสุรินทร์ อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส
ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส
ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาค ใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส
ปิด ท้ายที่สถานการณ์พายุกิโล ตอนนี้ลดระดับเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น มีความเร็วลมศูนย์กลาง 129.5 กม./ชม. เคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 20 กม./ชม. มุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น คาดว่าพายุนี้จะเพิ่มความเร็วลมศูนย์กลางเป็นไต้ฝุ่นระดับ 2 อีกครั้งในเช้าวันพรุ่งนี้ และจะลดความเร็วลมศูนย์กลางลงเป็นพายุโซนร้อนในเช้าวันที่ 11 ก.ย. 2558 ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางกลับเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิค โดยไม่ได้ขึ้นฝั่งที่ประเทศใด
ส่วนดีเปรสชั่น EIGHTEEN ตอนนี้พัฒนาเป็นพายุโซนร้อนที่ได้ชื่อว่า ETAU อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิคตะวันตก มีความเร็วลมศูนย์กลาง 67 กม./ชม. เคลื่อนที่ไปทางทิศเหนือด้วยความเร็ว 65 กม./ชม. มุ่งสู่เมืองโอซากา บนเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น คาดว่าพายุนี้จะขึ้นฝั่งที่ญี่ปุ่นในบ่ายวันพรุ่งนี้ และจะสลายตัวเป็นดีเปรสชั่นในเช้าวันที่ 10 ก.ย. 2558 ดังนั้นใครจะไปบริเวณดังกล่าวต้องตรวจสอบสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดด้วย แต่พายุทั้ง 2 ลูกนี้ไม่มีผลต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย