ผู้เขียน หัวข้อ: สับปะรดตราดสีทอง ปลูกแซมสวนยาง...วางแผนผลิตนอกฤดู ทำคุณภาพ กำไร 50-200%  (อ่าน 3273 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84444
    • ดูรายละเอียด
สับปะรดตราดสีทอง ปลูกแซมสวนยาง...วางแผนผลิตนอกฤดู ทำคุณภาพ กำไร 50-200%


วันที่ 11 สิงหาคม  พ.ศ. 2558 เวลา 13:00:00 น ที่มา มติชน




?สับปะรดตราดสีทอง? ชื่อบ่งบอกที่มาว่าเป็นสับปะรดจากจังหวัดตราด ?ตราดสีทอง? เป็นชื่อสับปะรดพันธุ์ใหม่ที่พัฒนามาจากสายพันธุ์สิงคโปร์ ด้วยรูปร่าง รสชาติ ที่ต่างไปจากสายพันธุ์เดิมคือ รูปทรงกระบอก เนื้อเหลือง รสชาติหวาน กรอบ มีกลิ่นหอม แกนรับประทานได้

ปี 2532 จังหวัดตราด ได้จัดประกวดให้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายพร้อมๆ กับเกษตรกรนิยมปลูกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนใกล้เคียงกับสับปะรดโรงงาน หรือที่เรียกว่า พันธุ์ปัตตาเวีย ข้อมูลสำนักงานเกษตรจังหวัดตราด ปี 2556 ปลูกอยู่จำนวน 10,532 ไร่ มีผลผลิต 19,421 ไร่ ราคาเฉลี่ยต่อผล 8.59 บาท ทว่าปี 2557 ปลายปีต่อเนื่องต้นปี 2558 นี้ น่าจะเป็นปีทองของสับปะรดตราดสีทองที่ราคาเฉลี่ย ผลใหญ่ จะอยู่ที่ 12-15 บาท ซึ่งปกติต้นปีราคาจะต่ำลง แต่ต้นปีมานี้ปริมาณความต้องการสูง จึงยังได้ราคาสูงมาต่อเนื่อง


คุณพีรพงษ์ ครองธรรม เกษตรกร วัย 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147/1 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าโสม อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ทายาทเจ้าของไร่สับปะรดตราดสีทอง ขนาด 30 ไร่เศษ เล่าว่า เกิดมาในครอบครัวเกษตรกรแท้ๆ 100% เพราะพ่อแม่ทำสวนยางพาราและไร่สับปะรด จึงรักที่จะเรียนทางด้านการเกษตร จบปริญญาตรี สาขาพืชศาสตร์ และจบปริญญาโท เทคโนโลยีการผลิตพืช จากมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จันทบุรี เมื่อปี 2552 ช่วงที่ทำวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ได้เลือกที่จะศึกษาเรื่องการผลิตสับปะรดพันธุ์ตราดสีทองให้ประหยัดต้นทุนและได้คุณภาพ


เมื่อจบแล้วจึงนำมาใช้ในการปฏิบัติจริงอย่างได้ผล จากประสบการณ์การทำงาน 10 ปีเศษ ปลูกสับปะรดตราดสีทอง ให้บริษัท บางกอกแอร์เวย์ส จำกัด ซึ่งใช้ชื่อในการผลิตสับปะรดว่า บริษัท ตราดสีทอง จำกัด พื้นที่ขนาด 400 ไร่ (แต่ยังปลูกไม่เต็มพื้นที่) มีผลผลิตคุณภาพมาตรฐาน ได้การรับรอง GAP ส่งญี่ปุ่นและให้บริการลูกค้าที่ใช้บริการสายการบินของบริษัท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นที่รู้จักของลูกค้าเป็นอย่างดี และผลการประกวดสับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง กวาดรางวัลอันดับ 1-3 มาตลอด เป็นสิ่งที่ยืนยันการทำสับปะรดคุณภาพ และปี 2557 คุณพีรพงษ์ ครองธรรม ได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานเกษตรจังหวัดตราด เป็น SMART FARMER ด้านพืชสับปะรดตราดสีทองเพื่อสร้างเครือข่ายส่งเสริมการผลิตให้มีคุณภาพ ปัจจุบัน คุณพีรพงษ์ได้หันมาปลูกและดูแลไร่สับปะรดของตัวเอง เนื่องจากคุณพ่อ คุณแม่อายุมากแล้ว
?ผลการทดลองปลูกสับปะรด ทำซ้ำๆ 5 รอบ ปุ๋ยจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้สับปะรดคุณภาพดี เกษตรกรทั่วไปจะใช้ปุ๋ยเคมีอย่างเดียว แต่ได้ทดลองใช้ปุ๋ยเคมี 40% ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ 60% บำรุงผล เร่งการเจริญเติบโต และมีการให้อาหารหลัก อาหารรองเสริมอีก ทำให้ผลใหญ่ ขนาด 1.8-2 กิโลกรัม เนื้อเหลือง กรอบ รสชาติหวาน หอม เหมาะกับการบริโภคผลอย่างยิ่ง? คุณพีรพงษ์ กล่าว

คุณพีรพงษ์ อธิบายว่า สภาพดินและอากาศของจังหวัดตราดโดยทั่วไปเหมาะกับการปลูกสับปะรดอยู่แล้ว คือดินร่วน อากาศค่อนข้างร้อน ปริมาณน้ำฝนเหมาะสม ส่วนใหญ่เกษตรกรจะปลูกสับปะรดเป็นพืชแซมยาง คือปลูกระหว่างร่องยางในขณะที่ยางยังเล็ก อายุไม่เกิน 4 ปี พอยางโตต้องหยุด เพราะใบยางจะคลุมแสงแดด ทำให้ต้นไม่สมบูรณ์ แต่ในปัจจุบัน สับปะรดตราดสีทองเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งปี โดยเฉพาะการบริโภคผลสด บางคนหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว จะได้ผลผลิตที่มีคุณภาพถึงปีที่ 3-4 ผลผลิตมีคุณภาพ ไซซ์ใหญ่ เพราะรับแสงแดดได้ดี แต่ถ้าปลูกในสวนยางพาราที่ปลูกใหม่ ผลผลิตจะมีคุณภาพไซซ์ใหญ่ช่วงปีที่ 1-2 ช่วงที่ยางยังต้นเล็ก ซึ่งการวางแผนตลาดเป็นสิ่งสำคัญหากผลผลิตออกสู่ตลาดในช่วงที่ไม่ตรงกับผลไม้อื่นๆ เช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง จะได้ราคาสูง มีผลตอบแทนได้ 50-200% ทีเดียว อย่างไรก็ตาม การปลูกสับปะรดตราดสีทองนอกฤดูกว่าจะเก็บผลผลิตได้ ต้องดูแลเอาใจใส่ทุกขั้นตอน ดังนี้

1. การคัดสายพันธุ์หรือคัดหน่อที่จะนำมาปลูก ควรเป็นหน่อจากต้นอายุ 1 ปี เพราะปีแรกผลสับปะรดมีขนาดใหญ่ แยกขนาดหน่อ ใหญ่ เล็ก เพื่อสะดวกในการดูแล เพราะหน่อใหญ่จะโตเร็ว การให้ปุ๋ย ดูแล เก็บเกี่ยวผล ต่างจากขนาดเล็ก


 2. การเตรียมร่องปลูกหรือยกร่อง ต้องกำหนดระยะห่างระหว่างร่องกับระยะห่างระหว่างต้นในแถวเดียวกันไว้ก่อน เผื่อการจัดการให้ปุ๋ย หยอดสารเร่งหรือการเก็บผลจะได้สะดวก และที่สำคัญเป็นกระบวนการบริหารจัดการ ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพ การปลูกต้องปลูกเป็นแถวคู่ เว้นระยะห่างให้เหมาะสมรองรับกับการเจริญเติบโต โดยเฉพาะการปลูกแซมระหว่างร่องยาง 1 คู่ จะกว้าง 5-6 เมตร ควรเว้นระยะห่างระหว่างแถวยางถึงแถวริมของสับปะรด 1.50 เมตร ต้องปลูกแถวคู่ 3 คู่ คู่หนึ่งเว้นทางเดินระหว่างร่องแถวคู่ไว้ 1 ช่อง ขนาด 1.00 เมตร (จริงๆ ควร 1.20 เมตร) ส่วนระยะห่างระหว่างต้นในแถวและระหว่างแถว ห่าง 50 เซนติเมตร การเตรียมดินยกร่องปลูกมีขั้นตอน คือ


2.1 ไถดะ เพื่อพลิกดินและตากดินทิ้งไว้ให้แห้งกรอบ เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อรา


2.2 ไถพรวน เพื่อพรวนดินอีกครั้งให้ดินละเอียด ให้รากสับปะรดเดินได้สะดวก


2.3 ขุดหลุมปลูก ลึก 10-15 เซนติเมตร เพราะถ้าลึกมากไปน้ำขัง รากและโคนจะเน่า

3. การปลูก ช่วงเวลาที่ควรปลูก ต้นฝนคือเดือนมีนาคม-เมษายน หรือปลายฝนคือเดือนกันยายน-ตุลาคม เพื่อช่วงผลผลิตออกกลางปีไปถึงปลายปีจะไม่ตรงช่วงพีก (peak) ผลผลิตออกมากตรงกับผลไม้อื่นๆ ซึ่งมีปัญหาเรื่องราคา

4. การกำจัดวัชพืช ต้องเอาวัชพืชออกให้หมด เช่น หญ้าคา ต้นอ้อ เพราะจะทำให้ต้นสับปะรดไม่โต หรือถ้าฉีดยากำจัดวัชพืชภายหลัง จะมีสารไกลโฟเซต (Glyphosate) ตกค้าง มีผลให้ต้นชะงักการเติบโตเพราะมีเชื้อรา


5. การให้ปุ๋ย ปกติหน่อใหญ่จะโตเร็ว ให้ปุ๋ยเพียง 2 ครั้ง หน่อเล็กโตช้า ให้ปุ๋ย 3 ครั้ง เริ่มให้ครั้งที่ 1 เมื่อปลูกไปได้ 2 เดือน ช่วงความชื้นเหมาะสม ไม่แล้งมาก ให้เป็นปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 เพื่อบำรุงต้น ใบ ราก ปริมาณ 20-30 กรัม ต่อต้น (ประมาณ 1 กำมือ ใส่ 3 ต้น) ครั้งที่ 2 เมื่อปลูกได้ 4 เดือน และครั้งที่ 3 เมื่อ 6 เดือน ให้ปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยปลาหมัก ให้ทางใบ เพื่อให้สะโพกใหญ่ ต้นโตแข็งแรง พร้อมออกผล ผสมปุ๋ย 500 ซีซี หรือ 1,000 ซีซี ต่อน้ำ 1,000 ลิตร


6. การเร่งดอก คือการบังคับให้ออกดอก ให้ผลเร็วจะใช้สารเร่ง ในช่วงเดือนที่ 7-8 เพียงครั้งเดียว เพื่อให้โคนต้นใหญ่ (สะโพก) ต้นสูง ใช้สารเคมี เอทิลีน (Ethylene) เป็นสารเร่งดอก ผสมน้ำในอัตราส่วน 200 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร ใส่ถังกวนให้เข้ากันและฉีดพ่นสเปรย์ให้เข้ายอดทุกต้น (ปริมาณผสมน้ำ 200 ลิตร จะพ่นได้ 3,000-3,500 ต้น หรือ 1 ไร่) รอระยะ 40-45 วัน จะมีผลอ่อนออกภายในยอด


7. การฉีดฮอร์โมนอาหารเสริม จิบเบอเรลลิน (Gibberellin) เป็นสารสังเคราะห์ ช่วยยืดผลอ่อน จะฉีด 2 ครั้ง ครั้งแรก หลังการใช้สารเร่งดอก 60-70 วัน หลังจากครั้งที่ 2 อีก 7-10 วัน ใช้ฉีดพ่นสเปรย์ เม็ดยา 2 เม็ด ผสมน้ำ 200 ลิตร ฉีดได้ 3,000 ต้น ช่วยให้ผลมีขนาดใหญ่ ต่อจากนั้นเป็นระยะเวลาผลสุก 135-145 วัน


8. การเก็บเกี่ยวผล จะเก็บผลหลังใช้ฮอร์โมน 135 วัน หรือ 4 เดือนครึ่ง หรือ 4 เดือน + 5-10 วัน โดยแบ่งตัดเป็น 3 รุ่น แปลงหนึ่งตัด 3 ครั้ง ครั้งแรกสังเกตตาสุก 20% ขึ้นไป เผื่อระยะการเดินทางไกลๆ เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วจะคัดไซซ์จำหน่าย ขนาด ใหญ่ เล็ก


9. การเตรียมหน่อเพื่อผลผลิตในปีต่อไป เมื่อตัดผลสับปะรดต้นแม่ไป ต้องตัดใบเหลือหน่อไว้ 2 หน่อ ให้เติบโตเพื่อเก็บผลผลิตในปีที่ 2 ปีที่ 3-4 หน่อเล็กใช้เวลาอีก 2-3 เดือน หน่อจะโตขนาด 50-70 เซนติเมตร ซึ่งเกษตรกรต้องเตรียมบำรุงรักษาตามขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นให้ได้ผลผลิตปีต่อไป ปีที่ 2 ต้นสับปะรดจะเพิ่มขึ้นจาก 1 ต้น เป็น 2 ต้น และปีที่ 3-4 จะมี 4 และ 8 ต้น ตามลำดับ
?การปลูกสับปะรดมี 2 ปัจจัยที่สำคัญคือ การวางแผนตลาด คือการวิเคราะห์ตลาด ให้ผลผลิตออกนอกฤดูในช่วงที่ไม่ตรงกับผลไม้อื่นๆ และการทำคุณภาพ ซึ่งต้องดูแล บำรุงรักษาให้ผลผลิตเป็นขนาดใหญ่ให้มากที่สุด ปกติ ปีแรกผลผลิตขนาดใหญ่จะได้ 50-60% ปีที่ 2 ลดลงเหลือ 40-50% ปีที่ 3-4 เหลือ 30-40% และ 20-30% ตามลำดับ แต่เราได้ปริมาณผลที่เพิ่มขึ้นจากการขยายหน่อ เพียงแต่ลูกเล็กจิ๋ว ที่สำคัญเราต้องบังคับให้ออกในช่วงที่ไม่ต้องแข่งขันกับผลไม้อื่น จะมีกำไร 50-200% ได้ เพราะต้นทุนการปลูกปีแรก ลูกละ 5-6 บาท คือค่าหน่อ หน่อละ 1.20 บาท ค่าปุ๋ย ค่าแรงในการปลูกดูแลรักษาให้ปุ๋ย อีก 3 ปี เหลือต้นทุนลูกละ 3 บาท เท่านั้น ตัดค่าหน่อ ค่าแรงในการปลูกและอาจจะมีหน่อขาย หน่อละ 1.20 บาท เป็นรายได้เพิ่มด้วย? คุณพีรพงษ์ อธิบาย

เทคนิค...ปลูกอย่างไร ให้ได้ไซซ์ใหญ่ ราคาดี

?การกำหนดระยะเวลาปลูกต้องทยอยกัน เพื่อกระจายผลผลิตให้ออกในช่วงที่ได้ราคา อย่างที่สวน แปลงแรก 13 ไร่ จะปลูกก่อนเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ทิ้งห่าง 1 เดือน เดือนกรกฎาคมจะปลูกแปลงที่ 2 อีก 8 ไร่ และทยอยอีกเดือนสิงหาคมจะปลูกแปลงที่ 3 อีก 12 ไร่ ผลผลิตจะทยอยออกในช่วงที่ได้ราคาสูงพอดี คือเดือนกรกฎาคม-กันยายน ส่วนการปลูกระยะห่างระหว่างแถวระหว่างต้นสำคัญมาก เพราะถ้าถี่ไป ใบจะตั้งเบียดกัน ต้องให้ห่าง เพื่อใบถ่างออกเก็บกักน้ำ? คุณพีรพงษ์ ยกตัวอย่างเคล็ดลับ


คุณพีรพงษ์ กล่าวถึงเทคนิคการบริหารจัดการสับปะรดมีทุกขั้นตอน ตั้งแต่วางแผนการปลูก การดูแล การเติบโต การเก็บเกี่ยว ต้องอาศัยประสบการณ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นและจากหลักวิชาการมาผสมผสานกัน เริ่มจาก


1. การเลือกหน่อ ตั้งแต่คัดหน่อที่ดี สมบูรณ์ไปปลูก เพราะบางครั้งจะมีหน่อที่ไม่แข็งแรง และมีความผิดปกติ ต้นจะไม่เติบโต หรือผลแคระแกร็นหรือเป็นโรคเหี่ยว เวลาที่ปลูก ถ้าต้นฤดูฝนหน่อต้องตั้งให้ยอดตรงจะช่วยเก็บน้ำไว้ แต่ถ้าปลูกช่วงปลายฝนที่น้ำน้อย ต้องเอียงหน่อที่ปลูกเพื่อให้ยอดเก็บน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด และถ้าเป็นช่วงฝนชุกต้องปลูกเอียงประมาณ 45 องศา ให้น้ำเทออกจากยอด


2. การดูแลรักษา ขั้นตอนการฉีดสารเร่งต้องดูไม่ให้มีฝนตกต่อภายใน 2 ชั่วโมง จากการฉีดสาร ไม่เช่นนั้นยาจะถูกน้ำฝนละลายทิ้งไปเปล่าๆ เมื่อฉีดสารเร่งแล้ว ต้องดูว่าทำให้หน่อข้างๆ แตกยอดอ่อนออกลูกด้วยหรือไม่ ถ้ามีต้องหักทิ้ง เพื่อให้ลูกที่ยอดมีขนาดใหญ่ รวมทั้งต้องมีการให้น้ำด้วยหากมีอากาศร้อนจัด แห้งแล้ง อาจจะใช้ระบบสปริงเกลอร์ เพื่อให้ต้นเติบโตได้ดี และในช่วงที่มีอากาศร้อนมากๆ เมื่อผลออกอายุ 3 เดือนครึ่ง ใช้ขุยมะพร้าวปิดกันความร้อนลูกที่ถูกแดดจัด ความร้อนอาจจะทำให้ลูกบิดเบี้ยวเพราะเจริญเติบโตไม่เท่ากัน


3. การทำให้ผลมีคุณภาพ ต้องให้สารอาหาร ธาตุอาหารหลัก อาหารรอง และอาหารเสริมให้ครบ เช่น ให้ปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยปลาหมัก ให้ทางใบ เพื่อให้ลูกขยายใหญ่ ยาว ต้นโตแข็งแรง การฉีดฮอร์โมน จิบเบอเรลลิน (Gibberellin) เป็นสารสังเคราะห์ เร่งผลให้ใหญ่และสุกเร็ว ต้องฉีดระยะ 60-70 วัน จึงจะได้ผล เพราะเซลล์ยังเป็นเซลล์อ่อน เติบโตได้ ฮอร์โมนทำงานได้เต็มที่ หากฉีดครั้งเดียวไม่ได้ผล ต้องฉีดซ้ำครั้งที่ 2 ได้ผลแน่นอน สังเกตดูตามี 7-8 ตา ต้นจะใหญ่ ลูกใหญ่ เมื่อผลโตขายได้ราคาสูงตามไซซ์คือ ขนาดใหญ่ ความยาวผล 18-20 เซนติเมตร เกษตรกรบางรายอาจจะไม่กล้าฉีดหลายครั้งเพราะเป็นการเพิ่มต้นทุน เฉลี่ยราคาผลละ 5-6 บาท หรือการฉีดแคลเซียม ไบรอน แมกนีเซียม จะช่วยให้มีรสชาติ หวาน กรอบ และมีกลิ่นหอม ซึ่งการปลูกพืชเชิงเดี่ยวจำเป็นต้องใช้มากเพราะธาตุอาหารในดินจะลดลง


4. การประหยัดต้นทุน การใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวทำให้ต้นทุนสูง เกษตรกรควรหาวิธีที่จะผสมปุ๋ยเคมีกับปุ๋ยชีวภาพให้ได้ เพื่อเป็นการลดต้นทุน เช่น ในช่วง 6 เดือนที่ปลูก การให้ปุ๋ยทางใบเพื่อบำรุงต้น ใบ ราก ให้โคนสะโพกใหญ่ ต้องพร้อมบังคับออกดอก สามารถใช้ปุ๋ยปลาหมักทางใบได้ ในอัตราส่วนผสม 500 ซีซี ต่อน้ำ 1,000 ลิตร ฉีดพ่น เพราะถ้าไม่ให้ปุ๋ยทางใบจะต้องใช้ปุ๋ยเคมี สูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 ซึ่งราคาจะสูงกว่าปุ๋ยหมัก

?การปลูกสับปะรดปีแรกจะมีต้นทุนสูง แต่ในปีที่ 2 จะลดลง มีกำไรเพิ่มขึ้น หากเปรียบเทียบกับการปลูกเป็นพืชเชิงเดี่ยวยิ่งได้ผลตอบแทนสูงกว่าตลอดช่วงอายุ 4 ปี หากราคาตลาดดีมากๆ อย่างปลายปี 2557 ถึงต้นปี 2558 ตลาดบริโภคสับปะรดตราดสีทองผลสดราคาผลใหญ่ ราคาขายส่งสูงถึงลูกละ 12-15 บาท ขณะที่ต้นทุน อยู่ที่ลูกละ 5-6 บาท เฉลี่ยรายได้ตอบแทนสูง 50-200% ทีเดียว หากเป็นสับปะรดปีที่ 2 ที่ต้นทุนเหลือเพียง 3 บาท ดังนั้น ในอนาคตสับปะรดตราดสีทองจะเป็นพืชเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของจังหวัดตราดแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดตลาดอาเซียน จังหวัดตราดจะเป็นประตูเชื่อมโยง แต่ต้องมีการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อวางแผนการผลิต ไม่ให้ผลผลิตทะลักออกมาพร้อมๆ กัน? คุณพีรพงษ์ กล่าว

ตลาดไท...แหล่งรับซื้อสับปะรดรายใหญ่

ปัจจุบันตลาดที่รับซื้อสับปะรด จะเป็นตลาดภายในประเทศ ตลาดญี่ปุ่นให้ความนิยมบริโภคมาก แต่ยังมีปัญหาเรื่องการขนส่งทางเรือ ทำให้ ?ไส้ดำ? จึงยังไม่สามารถส่งออกได้ ตลาดมีทั้งขายส่งและขายปลีก ขายส่งจะมีแผงร้านย่อยที่รับซื้อในพื้นที่จังหวัดตราดและใกล้เคียง ขายปลีกส่งเกาะช้างแหล่งท่องเที่ยวซึ่งจะได้ราคาดีมาก ขายส่งลูกขนาดใหญ่ ลูกละ 12-15 บาท ไปขายปลีกที่เกาะช้าง จะได้ 20-25 บาท


สำหรับคุณพีรพงษ์ มีสับปะรดจำนวนมาก จึงเลือกที่จะส่งตลาดค้าส่งเอง มีแผงรับเป็นเจ้าประจำที่ตลาดไท นครปฐม พิษณุโลก ขอนแก่น ซึ่งการส่งสับปะรดไปให้แผงรับซื้อ แผงรับซื้อจะมีออเดอร์มาแต่ละวัน และรับผิดชอบค่าขนส่งตามระยะทาง เช่น ตลาดไท เที่ยวค่าบรรทุกรถปิกอัพ เที่ยวละ 3,000-3,200 ลูก จะได้เที่ยวละ 5,500 บาท นครปฐม 5,800 บาท พิษณุโลก 6,500 บาท ขอนแก่น 7,000 บาท ซึ่งการตัดต้องตัดให้สุกไม่เกิน 20% เพราะต้องเผื่อระยะเวลาเดินทางไปพร้อมที่จะรับประทาน ไม่เกิน 4-5 วัน การตลาดจะต้องติดต่อกับแผงรับซื้อไว้ล่วงหน้า เพื่อป้องกันผลผลิตล้นในช่วงนั้นๆ ส่วนแรงงานตัดจะใช้วิธีเหมาตัด เที่ยวละ 2,000 บาท ต่อวัน ไม่รวมน้ำ อาหาร มีแรงงาน 7-8 คน เหมาตัด คัดขนาด แบก ใส่รถบรรทุกออกจากไร่
?สับปะรดที่ตัดจะต้องแบ่งคัดไซซ์ให้เสร็จก่อนนำไปส่ง มี 5 ขนาด เรียงตามลำดับคือ ใหญ่ เล็ก จิ๋ว ดอก และตุ๊ด ขนาดใหญ่จะได้ราคาดีมาก 10-15 บาท ไซซ์อื่นๆ ต้องอาศัยปริมาณมากๆ ถึงจะได้เงิน ตุ๊ดเล็กสุด ลูกละ 2 บาท การตัดผลสับปะรดต้องทำให้เสร็จและบรรทุกไปส่งลูกค้าภายในวันเดียว เพื่อความสด เพราะที่แผงรับซื้อจะขายส่งไปต่างจังหวัด การนำไปขายส่งเองไม่ผ่านคนกลางจะทำให้ได้ราคาเพิ่มขึ้น ลูกละ 1-2 บาท ช่วงที่ผลผลิตออกมามากๆ บางวันต้องตัดถึง 2 เที่ยว? คุณพีรพงษ์ กล่าว

เตรียมจดทะเบียน สีทอง...อนาคตพืชเศรษฐกิจ จังหวัดตราด

ในปี 2558 ?สับปะรดตราดสีทอง? หรือ Trat See Thong Pineapple แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างไปจากสับปะรดที่อื่นๆ เพราะจังหวัดตราด โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดกำลังดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดตราด (Geographical Indications หรือ GI) เมื่อถึงเวลานั้น ปลายปี 2558 เปิดประชาคมอาเซียน และปี 2557 ประกาศเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดตราดเปรียบเสมือนประตูเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน และมีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ขนส่ง การค้าชายแดน ตลาดบริโภคผลสุกและการพัฒนาการแปรรูป สับปะรดตราดสีทองอาจจะไม่เพียงพอของตลาดทั้งต่างประเทศและในประเทศ หากมีการตั้งรับ บริหารจัดการที่ดี เช่น รวมกลุ่มตั้งเครือข่าย เพื่อส่งเสริมการผลิตที่ได้มาตรฐานตรงตามสายพันธุ์ ให้ได้มาตรฐาน (GAP) มี QR CODE ให้ลูกค้าตรวจสอบได้ และวางแผนการผลิตให้ผลผลิตทยอยออกสู่ตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่า...แนวโน้มความเป็นไปได้ สับปะรดตราดสีทองจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญอันดับต้นๆ ของจังหวัดตราด...อย่างแน่นอน


สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณพีรพงษ์ ครองธรรม เลขที่ 147/1 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าโสม อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด โทร. (081) 575-2225

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 12, 2015, 10:14:49 AM โดย Rakayang.Com »