ผู้เขียน หัวข้อ: Southern International Trade Expo ดัน ศก.ใต้รุ่งยอดซื้อยาง 5 แสนตันคาดผู้ชมงานแสนรายดันยอดขาย 1,200 ล้าน  (อ่าน 763 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 86781
    • ดูรายละเอียด

Southern International Trade Expo ดัน ศก.ใต้รุ่งยอดซื้อยาง 5 แสนตันคาดผู้ชมงานแสนรายดันยอดขาย 1,200 ล้าน


หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- อาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2558 00:00:48 น.
 
จัดงานแสดงสินค้า Southern Inter-national Trade Expo จังหวัดสุราษฎร์ธานีกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ไทย-อินเดีย จัดงานแสดงสินค้า Southern International Trade Expo ระหว่าง 23-26 กรกฎาคม 2558 ที่เซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานีคึกคักมุ่งสานความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างเป็นรูปธรรมระหว่าง สุราษฎร์ธานีและเมืองสุราต รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย คาดคนเข้าชมงาน 100,000 ราย จะมีผู้แทนการค้า ต่างประเทศและผู้นำเข้า 400 ราย ผลักดันเศรษฐกิจการค้า 14 จังหวัดภาคใต้ คักคัก มียอดสั่งซื้อยางพาราล่วงหน้าแล้ว 500,000 ตัน ประเมินมียอดขายในงานนี้ 1,200 ล้านบาท


พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจัดงานแสดงสินค้า Southern International Trade Expo ในครั้งนี้ มีจุดกำเนิดจากการที่ได้จัดคณะเดินทางไปอินเดียพร้อมกับรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือระหว่างหอการค้าจังหวัด สุราษฎร์ธานีและหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งรัฐคุชราตใต้ (Southern Gujarat Chamber ofCommerce and Industry : SGCCI) เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 ที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย
 
ความสัมพันธ์ระหว่างเมืองสุราต รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย และสุราษฎร์ธานี ที่มีความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน ครบ 100 ปี ในปีนี้นับจากวันที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานนาม "สุราษฎร์ธานี" เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2458 ซึ่งมีความหมาย "เมืองคนดี" ให้สอดคล้องกับชื่อเมืองสุราตในประเทศอินเดีย อันเป็นสถานที่กำเนิดของพระพุทธศาสนา และปัจจุบัน ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 เมืองได้กระชับแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นจากการลงนามบันทึกความเข้าใจ เป็นบ้านพี่เมืองน้องสุราต-สุราษฎร์ธานี ระหว่างหอการค้าเมืองสุราต และหอการค้าสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 ณ นครมุมไบ
 
ปัจจุบัน อาเซียนกับอินเดีย เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของกันและกัน ในปี 2557 การค้าของอาเซียน 10 ประเทศกับอินเดีย มีมูลค่าสูงถึง 36,737 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย ซึ่งครอบคลุมทั้งการค้า บริการและการลงทุน ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายการค้าการลงทุนระหว่าง ทั้ง 2 ภูมิภาค นอกจากความสัมพันธ์ในระดับภูมิภาคแล้ว ไทยกับอินเดียยังมีความเชื่อมโยงทางการค้าการลงทุนในระดับทวิภาคีอีกด้วย โดยทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามใน กรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-อินเดีย มาตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งมีผลให้มูลค่าการค้าสองฝ่ายไทย-อินเดีย เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2546 เป็น 8,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2557 และเชื่อว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 8
 
ด้านนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเปิดเผยว่า ภายในงานแสดงสินค้า Southern International Trade Expo จะมีการแสดงสินค้า โดยจะมีคูหาธุรกิจกว่า 180 คูหา ซึ่งคัดเลือกจากบริษัทที่มีศักยภาพในการส่งออกใน 14 จังหวัดภาคใต้ แบ่งตามชนิดสินค้าต่างๆ ดังนี้ สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม 63 คูหา แฟชั่น 9 คูหา สุขภาพและความงาม 23 คูหา สินค้าของใช้ภายในบ้าน/ของแต่งบ้าน 16 คูหา ยางพาราและผลิตภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง 22 คูหา โลจิสติกส์/ธุรกิจบริการ 7 คูหา รวมทั้งจะมี Pavilion การท่องเที่ยวและวัฒนธรรมเมืองสุราต ประเทศอินเดียกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงคูหาสินค้าจากต่างประเทศอีก 2 ประเทศ ได้แก่ คูหาจากประเทศอินเดีย 30 คูหาและประเทศมาเลเซีย 3 คูหา (เนื่องจากข้อจำกัดของขนาดพื้นที่จัดงานในภาคใต้ทำให้ไม่สามารถรับผู้ประกอบ การจากมาเลเซียที่สนใจเข้าร่วมงานอีกหลายราย)และมีนิทรรศการจากหน่วยงานทั้ง ภาครัฐ และเอกชนมาให้ คำแนะนำข้อมูลสินค้าและบริการแก่ผู้ประกอบการและประชาชนที่มา ร่วมชมงานอีกด้วย
 
จากนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เชิญผู้แทนการค้าและผู้นำเข้าจากประเทศต่างๆ ผ่านสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมาร่วมงานจำนวนประมาณ 400 ราย ส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคเอเชียและอาเซียน ภายในงานมีการเจรจาธุรกิจ โดยมีบริษัทผู้ซื้อสินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์จากทั่วโลก 68 บริษัท แจ้งความต้องการซื้อยางพารากว่า 500,000 ตัน จะมาเข้าร่วมการเจรจาธุรกิจสินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์จากยางพาราภายในงาน ด้วย
 
คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานครั้งนี้ทั้งสิ้นกว่า 100,000 ราย ทั้งที่เป็นกลุ่ม เป้าหมายต่างประเทศ ได้แก่ นักธุรกิจผู้ผลิต/ผู้นำเข้าและผู้ประกอบการ และกลุ่มเป้าหมายในประเทศ ได้แก่ นักธุรกิจ ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ 14 จังหวัดภาคใต้ ตลอดจนประชาชนทั่วไปในภูมิภาค และคาดว่าจะมีมูลค่าสั่งซื้อทันที 30 ล้านบาทและคาดการณ์มูลค่าการสั่งซื้อภายใน 1 ปีประมาณ 1,200 ล้านบาท