ผู้เขียน หัวข้อ: คาร์บอมบ์!ห้างเซ็นทรัลสมุย,ไฟไหม้โคออฟพุนพิน,ไฟไหม้ซุปเปอร์ชีป24ชั่วโมงพังงาวอด3คูหา  (อ่าน 481 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84476
    • ดูรายละเอียด

คาร์บอมบ์!ห้างสมุยไฟไหม้โคออฟ

คาร์บอมบ์!ห้างสมุยรถเสียหายนับ 10 คัน ไฟไหม้โคออฟ ผู้ว่าฯระบุคุมสถานการณ์ได้ ขณะที่ 'ซุปเปอร์ชีป24ชั่วโมง'พังงาโดนด้วยวอด 3 คูหา ปัตตานีคนร้ายยิงใส่ประชาชนตาย
            เมื่อเวลา 22.40 น.ของวันที่ 10 เม.ย.2558  ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นทางด้านหน้าของห้างเซ็นทรัลเฟสติวัลสมุย ถนนเลียบหาดเฉวง  อ.เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี   เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย   แรงระเบิดยังทำให้มีรถเสียหาย 10 คัน กระจกร้านค้าได้รับความเสียหาย  ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีที่มาจากการใช้รถเป็นพาหนะในการก่อเหตุหรือไฟลุกไหม้เนื่องจากรถที่ตั้งติดแก๊ส เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง

            ขณะเดียวกันในช่วงไล่เลี่ยกันก็มีรายงานว่า เกิดเพลิงไหม้ภายในสหกรณ์การเกษตรสุราษฏร์ธานี  จำกัด (โคออฟ) ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี เจ้าหน้าที่ได้ประสานรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ ทั้งนี้ ส.ต.อ.สมพงษ์ ดวงสุวรรณ ตำรวจประจำป้อมหน้าโคออบ ระบุว่าได้ยินเสียงระเบิด 2 ครั้งก่อนเกิดเพลิงลุกไหม้
           ทั้งนี้ ผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงบริเวณศูนย์อาหารไว้ได้ไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนของภัตตาคารและจุดขายสินค้าโอทอป ส่วนโซนซุปเปอร์มาร์เก็ตเจ้าหน้าที่ยังคงใช้ความพยายามดับเพลิงอย่างเร่งด่วน เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต


ผู้ว่าฯระบุคุมสถานการณ์ได้-ระบุคาร์บอมบ์


           นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว ต้องรอขุดตรวจวัตถุระเบิด ชุดอีโอี เข้าตรวจสอบอย่างละเอียดในช่วงเช้าวันนี้(11 เมษายน ) อีกครั้ง เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต มีแต่ผู้ได้รับบาดเจ็บ และรถยนต์เสียหายจำนวนหนึ่งเท่านั้น สำหรับห้างดังกล่าว จะปิดทำการในเวลา 23.00 น. เพราะจะมีชาวต่างชาติเข้ามาเดินในช่วงเวลากลางคืน ตอนเกิดเหตุห้างกำลังจะปิดทำการ
           "เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นคาร์บอมบ์ เนื่องจากรถที่ก่อเหตุได้เสียหายพังไม่เหลือซาก และพบว่าเป็นรถที่ใช้ทะเบียนปลอม ทะเบียนชลบุรี ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งในเช้าวันนี้  โดยจะเข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหาร  พร้อมกันนี้ได้วางกำลังตรวจสอบโดยรอบจังหวัด เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นอีกซ้ำ " นายฉัตรป้องระบุ


เพลิงไหม้'ซุปเปอร์ชีป24ชั่วโมง'พังงาวอด3คูหา


            เมื่อเวลาประมาณ 21.20 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรโคกกลอย รับแจ้งเหตุเกิดเหตเพลิงไหม้ ในร้านสะดวกซื้อ"ซุปเปอร์ชิป 24 ขั่วโมง"สาขาโคกกลอย ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา จึงได้แจ้งไปยังหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลโคกกลอยเพื่อส่งเจ้าหน้าที่เข้าไประงับเหตุดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 30 นาที ก็ยังไม่สามารถระงับเพลิงไหม้ครั้งนี้ได้และเพลิงได้ลุกลามเข้าไหม้ร้านเสริมสวยที่อยู่ติดกันอีก 1 คูหา โดยมีนายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ นายอำเภอตะกั่วทุ่ง พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชลิต แก้วยะรัตน์ ผบก.ภ.จว.พังงา ร่วมอำนวยการ พร้อมประสานหน่วยดับเพลิงและหน่วยงาน ปภ. จากในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมระงับเหตุ กว่า 10 คันจนเวลา ประมาณ 23.00 น.เจ้าหน้าที่จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้พร้อมทำการฉีดน้ำเลี้ยงไว้ป้องกันการลุกไหม้ซ้ำอีก

            จากการสอบถามพนักงานประจำร้าน ได้เปิดเผยว่า ต้นเพลิงได้ไหม้มาจากชั้นสอง ซึ่งเป็นที่เก็บสินค้า หลังเกิดไฟไหม้ พนักงานในร้านต่างก็พากันวิ่งหนีออกจากภายในร้านกันอย่างโกลาหล โดยสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัยทุกคน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนสาเหตุคาดน่าจะมาจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากก่อนเกิดเพลิงไหม้ ชาวบ้านก็ได้ยินเสียงคล้ายหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด หลังจากนั้นไม่นาน เพลิงก็ได้ลุกไหม้ลงมาจากชั้นสอง ส่วนสาเหตุที่แท้จริงทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบอีกครั้งในวันที่ 11 เมษายน นี้


ปัตตานีคนร้ายยิงใส่ประชาชนตาย3ราย

            เมื่อเวลา 23.58 น.วันที่ 10 เมษายนผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดเหตุยังกันตายที่บริเวณบ้าน ศาลาราก ม. 7 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่บริเวณ กระท่อมร้าง คนร้ายไม่ทราบจำนวนสวมชุดและผ้าคลุมหัวสีดำ ใช้ปืนยาวยิงใส่ประชาชนจำนวน 6 คน จำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 3 รายคือ นายมูฮัมหมัด รุสดีสะแมดำ 32 ปี นายมูฮัมหมัด ตอราอิง เปแนะ 38 ปี เสียชีวิต นายอุสมาน ยาโงะ 34 ปี  ส่วนนายซานูซี. สะแม 24 ปี โดนยิงเข้าไหล่ขวากับหัวแม่มือขวาขาด ส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์ ส่วนอีก 2 ราย ไม่ทราบชื่อ เนื่องจากได้หลบหนีจากที่เกิดเหตุ

................................................

(หมายเหตุ : ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Viriya Satien และ Intira Pranluck)