ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 5.43 จุด วิตกดอลล์แข็งกระทบส่งออก  (อ่าน 298 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84462
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 5.43 จุด วิตกดอลล์แข็งกระทบส่งออก




ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 8 เมษายน 2558 06:32:15 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์อาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทส่งออก ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,875.42 จุด ลดลง 5.43 จุด หรือ -0.03% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,910.23 จุด ลดลง 7.09 จุด หรือ -0.14%  ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,076.33 จุด ลดลง 4.29 จุด, -0.21%






ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ โดยนักวิเคราะห์กังวลว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์อาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทส่งออก โดยเฉพาะผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้


นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่เฟดจะเผยแพร่รายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ในวันพุธนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะส่งสัญญาณเรื่องระยะเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


สำหรับความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟดนั้น นายนารายานา โคเชอร์ลาโคตา ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิส กล่าวว่า จากการที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าที่อัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานจะกลับสู่ระดับปกติ ดังนั้น เฟดจึงน่าจะสามารถรอต่อไปจนถึงปีหน้าสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


ทั้งนี้ นายโคเชอร์ลาโคตาสนับสนุนให้เฟดรอจนกว่าจะถึงครึ่งปีหลังของปีหน้าเพื่อขึ้นอัตราดอกเบี้ย  และค่อยๆปรับขึ้นทีละน้อยจนแตะระดับ 2% ในปลายปี 2017 หลังจากที่เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2008


อย่างไรก็ได้ ความเห็นของนายโคเชอร์ลาโคตาถือว่าตรงข้ามกับเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งมองว่าเฟดควรจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากตลาดแรงงานกำลังปรับตัวดีขึ้น และกำลังส่งแรงหนุนต่ออัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ


หุ้นกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านปรับตัวลง โดยหุ้นโทลล์ บราเธอร์ส และหุ้นเลนนาร์ คอร์ป ต่างก็ร่วงลงกว่า 2.5%


หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ดิ่งลง 2.5% หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลแคนาดาจะขายหุ้นที่ถืออยู่ในจีเอ็ม คิดเป็นมูลค่าราว 2.7 พันล้านดอลลาร์


อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง พุ่งขึ้น 2.8% ขณะที่หุ้นเรนจ์ รีซอสเซส คอร์ป ปรับขึ้น 2.9%


ส่วนหุ้นกลุ่มขนส่งปรับขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นเฟดเอ็กซ์ และหุ้นเรลโรด ยูเนียน แปซิฟิก ซึ่งต่างก็ปรับตัวขึ้นราว 1.4%


นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 17-18 มี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์,  สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนก.พ., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค. และดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนมี.ค.