?คยป.? นัดถกยางดิ่ง 10กพ. ไม่เชื่อ รบ. ดันราคาถึง 50 บ.
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายเพิก เลิศวังพง อดีตประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.) ในฐานะแกนนำกลุ่มภาคีเครือข่ายชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน 16จังหวัดภาคใต้ (คยป.) เปิดเผยว่า จากการติตามการทำงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาราคายางพารา ที่ผ่านมาพบว่า จนถึงขณะนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาคายางพาราให้กับเกษตรกรชาวสวนยางได้เลย โดยล่าสุดจากการตรวจสอบในพื้นที่ราคาที่มีการับซื้อจากเกษตรกรจริงในส่วนยางแผ่นรมควันชั้น3 อยู่ที่42-45บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ขณะที่การรับซื้อน้ำยางสดมากสุดอยู่ที่ 36-39บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมาก
อย่างไรก็ตาม จากมาตรการที่ นายอำนวย ปะติเส รมช. เกษตรฯออกมาประกาศ ที่จะเดินหน้าซื้อน้ำยางสดในราคานำประมาณ 40-50บาทต่อกิโลกรัม โดยอ้างว่าจะเป็นการคืนความสุขให้ชาวสวนยางก่อนปิดกรีดยางนั้น เท่าที่ตรวจสอบพบว่า ขณะนี้ยังไม่มีการซื้อน้ำยางสดดังกล่าวจริง มีแต่ข้องอ้าง โดยตามขั้นตอนกว่าจะซื้อได้คงอีกหลายวันและเป็นช่วงสั้นๆ เพราะขณะนี้ใกล้จะปิดกรีดยาง ซึ่งเหลือน้ำยางมากสุดน่าจะไม่ถึงแสนตัน ซึ่งจำนวนน้ำยาดังกล่าวกว่าจะนำไปผลิตเป็นยางผ่นต้องใช้น้ำยางกว่า 3กิโลกกรัมถึงจะได้ยางแผ่น1กิโลกกรัมและน่าจะมียางมากสุดไม่เกิน4หมื่นตัน โดยจำนวนนี้รัฐบาลคงจะซื้อจริงไม่กี่กิโลกกรัม เพราะกว่าจะถึงขึ้นตอนการดำเนินการที่ผ่านการอนุมัติและซื้อได้ คงจะปิดกีดยางไปแล้ว
?อย่าว่าแต่ 50บาทต่อกิโลกรัมตาม คุณอำนวย พูดเลย ให้100บาทต่อกิโลกกรัมเขายังพูดได้ เพราะเป็นเงินภาษี ไม่ใช่เงินเขาและมันเป็นแค่คำพูด ไม่มีอะไรจริง คิดดูตอนนี้เป็นช่วงที่เขาไล่ปิดกรีดกันหมดแล้ว ไล่มาตั้งแต่ภาคอีสาน มาภาคตะวันออก กว่าจะเข้าไปซื้อจริงก็คงปลายแล้ว คงจะได้ประโยชน์ เฉพาะ ภาคใต้บางส่วนเท่านั้นและคนที่เขาจะไปซื้อได้ก็เป็นบางสหกรณ์เท่านั้น ตอนนี้บอกได้เลยไม่มีอะไรที่แก้ปัญหาให้เกษตรกรได้เลยและตอนนี้ราคายางมันก็ตกลงเรื่องๆ ที่รัฐบาลออกมาประกาศโน้นนี่ว่า จะซื้อยางสูงขึ้น ก็เป็นแค่การออกมาพูดเพื่อซื้อเวลาให้รัฐบาลทำงานต่อไปได้อีก เพราะตอนนี้ เป็นช่วงปิดกรีดแล้ว จะช่วยใครได้ เกษตรกรก็ต้องทนต่อไปว่า จะมีอะไรดีขึ้นไหม? นายเพิก กล่าว
นายเพิก กล่าวด้วยว่า วันที่ 10กุมภาพันธ์นี้ กลุ่มตัวแทนชาวสวนยางที่เป็นสมาชิกภาคีเครือข่าย และปาล์มน้ำมัน16จังหวัดภาคใต้ จะประชุมหารือ เพื่อสรุปปัญหาเตรียมเสนอต่อรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหา ทั้งเรื่องราคายางและ ปาล์มน้ำมันอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาถือว่า ราคายางตกต่ำมากที่สุด หากปล่อยไว้เกษตรกรชาวสวนยางไม่สามารถอยู่ได้ โดยประเด็นที่จะหารือจะมุ่งเป้าไปที่ เรื่องการจัดการยางในสต๊อต 2.1แสนตันที่ยังค้างในสต๊อกและไม่รวมยางที่เข้ามาใหม่อีกหลายหมื่นตัน หากไม่มีมาตราการที่ชัดเจนเมื่อถึงหน้า เปิดกรีดมาใหม่อีก 2ข้างหน้าหลังปิดกรีดก็จะกลับมาเป็นปัญหาได้อีกครั้ง ซึ่งปัญหาดังกล่าวทางรัฐบบาลต้องมีความชัดเจนว่า จะจัดการกับปัญหา ยางในสต๊อกอย่างไร เพราะที่ผ่านมามา มีอะไรที่ส่อไปในเรื่องความไม่โปร่งใส หลายเรื่องซึ่งรัฐบาลต้องใช้เวลาที่มีในช่วงปิดกรีดจัดการปัญหา และชี้แจงให้สังคมทราบว่าจะจัดการอย่างไรไม่ใช้อ้าง มาตรากรการจะช่วยไปวันๆ มิฉะนั้นจะเป็นปัญหา ต่อรัฐบาลในระยะยาว ได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
10/2/2015
