ผู้เขียน หัวข้อ: สกย.มั่นใจอนาคตยางไทยมีเสถียรภาพคาดปริมาณในตลาดลดลง 1.5 แสนตัน (29/12/2557)  (อ่าน 717 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 83201
    • ดูรายละเอียด
สกย.มั่นใจอนาคตยางไทยมีเสถียรภาพคาดปริมาณในตลาดลดลง 1.5 แสนตัน (29/12/2557)


สกย. เดินหน้าลดพื้นที่ปลูกยาง มั่นใจมาตรการ 2 ประสาน ทั้งการลดพื้นที่ปลูก และลดจำนวนต้นยางใหม่ที่ปลูกต่อไร่ จะทำให้ปริมาณผลผลิตยางในตลาดลดลงไม่น้อยกว่าปีละ 150,000 ตันพร้อมเชื่อมั่น อนาคตราคายางในประเทศจะมีเสถียรภาพที่มั่นคงมากขึ้น
นายประสิทธิ์ หมีดเส็น รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สกย.ได้ดำเนินโครงการควบคุมปริมาณการผลิตยางพารา ซึ่งช่วยแก้ปัญหายางทั้งระบบให้แก่เกษตรกร โดยได้เพิ่มเป้าหมายในการส่งเสริมการโค่นยางเก่าหรือต้นยางที่ให้ผลผลิตต่ำ  จากปีละ 300,000 ไร่ เป็น 400,000 ไร่ ตั้งแต่ปี 2558 - 2564  รวม 7 ปีประมาณ 2.8 ล้านไร่ และให้ปลูกยางพาราพันธุ์ดีผลผลิตสูงทดแทนปีละ 300,000 ไร่ รวม 7 ปีประมาณ2.1 ล้านไร่ ส่วนที่เหลือส่งเสริม ให้ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เช่น ปาล์มน้ำมันมะพร้าว ไม้ผล เป็นต้น
ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจะทำให้ปริมาณผลผลิตยางในตลาด ลดลงไม่น้อยกว่าปีละ  101,600 ตันซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยกระตุ้นราคายางให้สูงขึ้น
นอกจากนี้ จากการที่ สกย.ได้แก้กฎระเบียบการให้การสงเคราะห์ใหม่ ให้เกษตรกรสามารถลดจำนวนต้นยางที่ปลูกใหม่ จากไร่ละ 76 ต้น เหลือไร่ละ 40 ต้นได้ ในขณะที่ยังได้รับทุนสงเคราะห์อัตราเดิมคือ ไร่ละ 16,000 บาทนั้น เพื่อที่จะให้มีพื้นที่ว่างในสวนยางเพียงพอ ที่จะปลูกพืชชนิดอื่นๆแซม หรือเพียงพอที่จะทำสวนยางตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวฯ
รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สกย. กล่าวด้วยว่า สำหรับจำนวนเกษตรกรที่ยื่นขอรับทุนสงเคราะห์ปลูกทดแทน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม - 10 ธันวาคม 2557 มีแล้ว 15,606 ราย คิดเป็น พื้นที่ที่จะโค่นยางเก่าประมาณ 176,312.63 ไร่  คาดว่า โดยเกษตรกร ที่ได้รับทุนสงเคราะห์ทุกคน สกย. จะอบรมให้ความรู้ในการปลูกยางพาราตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ที่จะไม่ปลูกยางพาราเชิงเดี่ยว แต่จะให้ทำสวนยางควบคู่ไปกับการเกษตรด้านอื่นๆ เช่น พืชผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์ ไม้ผล เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้และความเป็นอยู่ ที่มั่นคงอย่างยั่งยืน
ที่มา หนังสือพิมพ์บ้านเมือง (วันที่ 28 ธันวาคม 2557)