ผู้เขียน หัวข้อ: เงินบาทปิด 32.54/55 กลับมาแข็งค่า เชื่อกฎอัยการศึกเป็นทางออกประเทศ  (อ่าน 539 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84905
    • ดูรายละเอียด

เงินบาทปิด 32.54/55 กลับมาแข็งค่า เชื่อกฎอัยการศึกเป็นทางออกประเทศ


 
ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 พฤษภาคม 2557 17:22:14 น.
นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.54/55 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.64/66 บาท/ดอลลาร์


"เมื่อเช้าเงินบาทเปิดตลาดขึ้นไปทำ high ที่ 32.66/67 คงเพราะตกใจข่าวที่มีการประกาศกฎอัยการศึก จากนั้นเงินบาทก็ค่อยปรับแข็งค่า คงเป็นเพราะมองว่าการประกาศกฎอัยการศึกจะช่วยเป็นทางออกให้แก่ประเทศได้ โดยเงินบาทกลับไปทำ low ที่ 32.48 และช่วงบ่ายก็กลับมาอยู่ที่ระดับ 32.54/55" นักบริหารเงินระบุ


ทั้งนี้ ตลาดยังคงจับตาการประชุมระหว่างกลุ่มต่างๆ ที่จะมีขึ้นในช่วงหลังจากนี้เพื่อร่วมกันหาทางออกให้ประเทศ ซึ่งหากมีแนวทางแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมได้ เงินบาทก็น่าจะกลับไปแข็งค่าได้


นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.60 บาท/ดอลลาร์ โดยตลอดสัปดาห์นี้สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศยังเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่จะมีผลต่อทิศทางค่าเงินบาท


* ปัจจัยสำคัญ
- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.32 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 101.53 เยน/ดอลลาร์


- ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.3698 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3710 ดอลลาร์/ยูโร


- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,394.69 จุด ลดลง 15.94 จุด, -1.13%
- นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX ว่าที่กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เชื่อ Sentiment ระยะยาวดีขึ้น การเมืองมีทางออกหลังประกาศกฎอัยการศึก


- นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุว่า หลังจากมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศแล้ว ผลกระทบต่อภาคธุรกิจในระยะสั้นคงจะยังไม่มีอะไรมาก แต่ภาคเอกชนหวังว่าคู่ขัดแย้งควรจะหาโอกาสเจรจากันเพื่อหาทางออกให้เร็วที่สุด


- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB EIC) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 57 จะขยายตัวได้ 1.6% หลังภาพไตรมาส 1 ออกมาใกล้เคียงกับมุมมองที่คาดว่าอุปสงค์ในประเทศจะอ่อนแอต่อเนื่องจากการที่ครัวเรือนและนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น อย่างไรก็ดี ตัวเลขการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ลดลงมาก และทำให้การลงทุนภาครัฐต่ำกว่าที่ประเมินไว้เป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม


- นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส(ASP) แนะนักลงทุนไม่ต้องตื่นตระหนก คงไม่มีอะไร ต้องรอดูว่าความชัดเจนคืออะไรจะออกมาในรูปไหน


- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รส. ระบุว่า ขอให้ข้าราชการประจำในทุกสังกัดปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติภายหลังการประกาศใช้กฎอัยการศึกครั้งนี้ โดยยืนยันว่ากองทัพจะดำเนินการใดๆ ที่มีผลกระทบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนให้น้อยที่สุด พร้อมระบุว่าจะเชิญคู่ขัดแย้งมาร่วมเจรจาหาทางออกประเทศ เพียงแต่มีเงื่อนไขที่ทุกฝ่ายจะต้องหยุดการกระทำที่ยั่วยุ ปลุกปั่นเสียก่อน เพราะตราบใดที่บ้านเมืองยังไม่สงบก็ยังไม่สามารถหันหน้ามาเจรจาร่วมกันได้


- ที่ประชุมแกนนำ กปปส.มีมติว่าจะชุมนุมต่อไปเพื่อเป้าหมายเดิม คือการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งอย่างสันติภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญและกฎอัยการศึก โดยช่วงค่ำนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.จะขึ้นเวทีปราศรัยหน้าเพื่อประกาศทิศทางการเคลื่อนไหวของ กปปส.ต่อไป


- ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. เรียกร้องให้ ผบ.ทบ.ดำเนินการตามระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว และควรทำประชามติสอบถามความคิดเห็นของประชาชนว่าต้องการให้มีการเลือกตั้งหรือไม่ พร้อมขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เชิญคู่ขัดแย้งในสังคม ทั้งพรรคการเมือง, กปปส. และ นปช.มาหารือร่วมกันเพื่อหาทางออกประเทศ และยังขอให้ถอนกำลังทหารออกจากสถานีโทรทัศน์ทุกช่องด้วย


- อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สั่งการให้ผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(ทูตพาณิชย์) 64 แห่งทั่วโลก เร่งทำหนังสือชี้แจงกรณีที่ประเทศไทยประกาศกฎอัยการศึก และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศว่าจะไม่กระทบต่อการส่งออกสินค้าไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประเทศคู่ค้า และแสดงความมั่นใจว่าการดำเนินการทางการค้า และการส่งออก ยังสามารถทำได้ตามปกติ


- รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศยกระดับการเตือนภัยสำหรับพลเมืองที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย พร้อมแนะให้ชาวฟิลิปปินส์หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่สาธารณะ และเตรียมรับมือกับการอพยพที่อาจจะเกิดขึ้น ภายหลังจากที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกโดยกองทัพไทย ขณะเดียวกันรัฐบาลฟิลิปปินส์คาดว่าจะสั่งระงับการส่งแรงงานฟิลิปปินส์ (OFWs) มายังประเทศไทยด้วย


- ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) เปิดฉากการประชุมนโยบายการเงินเป็นวันแรก โดยคาดว่าที่ประชุมจะคงนโยบายผ่อนคลายด้านการเงินไว้เพื่อรับมือกับภาวะเงินฝืด พร้อมกับคงมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะยังคงมีการฟื้นตัวปานกลาง แม้ว่ามีการปรับขึ้นภาษีการบริโภคเมื่อวันที่ 1 เม.ย.57 ก็ตาม


- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ "มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส" ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์ 3 แห่งในโปรตุเกส ประกอบด้วย Caixa Geral de Depositos, Banco Espirito Santo และ Banif


- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 60 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 11,960 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,293.75 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 6.49 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.76 ดอลลาร์ฮ่องกง


อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--