ผู้เขียน หัวข้อ: โกลด์แมนแซคส์: โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยเพิ่มขึ้นเป็น 45%  (อ่าน 283 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87288
    • ดูรายละเอียด

โกลด์แมนแซคส์: โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยเพิ่มขึ้นเป็น 45%


MoneyDJ News 2025-04-07 14:07:02 ผู้สื่อข่าว Lai Hongchang รายงาน



นายนิค ติมิราออส ผู้สังเกตการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ชื่อดังของวอลล์สตรีทเจอร์นัล เขียนเมื่อวันอาทิตย์ (6 เมษายน) ว่ารายงานฉบับล่าสุดที่เผยแพร่โดยโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ มีชื่อเรื่องว่า ?นับถอยหลังสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย?


Goldman Sachs ปรับเพิ่มโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจาก 35% เป็น 45% โดยอ้างถึงความเสี่ยงจากภาวะการเงินที่ตึงตัวอย่างรวดเร็ว การคว่ำบาตรของผู้บริโภคต่างชาติ และความไม่แน่นอนของนโยบายที่พุ่งสูงต่อเนื่อง ซึ่งอาจกดดันการใช้จ่ายด้านทุน โกลด์แมนแซคส์กล่าวว่า การคาดการณ์นี้ถือว่าภาษีศุลกากรจะไม่มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบในวันที่ 9 เมษายน หากมีผลบังคับใช้ คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย



Goldman Sachs ปรับเพิ่มโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยจาก 20% เป็น 35% ในเดือนที่แล้ว สำนักข่าว Reuters รายงานเมื่อวันอาทิตย์



เครื่องมือ FedWatch ของ CME Groupแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันตลาดคาดหวังว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยหนึ่งจุดในการประชุมตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 7 พฤษภาคม โดยมีความน่าจะเป็นเพิ่มขึ้นเป็น 52.0% จาก 14.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว



CNBC รายงานเมื่อวันที่ 1 เมษายนว่า Mark Zandi หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Moody's Analytics กล่าวว่าการจัดเก็บภาษีนำเข้า 20% จะทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง และโอกาสที่ภาษีนำเข้าจะคงอยู่เป็นเวลา 10 ปีนั้นเป็นศูนย์



ประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม เอช. พาวเวลล์ กล่าวเมื่อวันที่ 4 เมษายน ว่า แม้ความไม่แน่นอนจะยังคงสูงแต่สิ่งที่แน่นอนก็คือการขึ้นภาษีศุลกากรและผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะสูงกว่าที่คาดไว้มากรวมถึงเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้าลง แต่ขนาดและระยะเวลาของผลกระทบเหล่านี้ยังคงไม่แน่นอน



พาวเวลล์ชี้ให้เห็นว่าความรับผิดชอบของเฟดคือการควบคุมคาดหวังเงินเฟ้อในระยะยาว และให้แน่ใจว่าการขึ้นราคาครั้งเดียวจะไม่กลายเป็นปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง



(ที่มาของภาพ: Shutterstock)