ตลาดเงินนิวยอร์ค:ดอลล์ร่วงลงขณะสหรัฐจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี
6 พ.ย. 202407:47 GMT+7
นิวยอร์ค--6 พ.ย.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงในวันอังคาร ในขณะที่สหรัฐจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันอังคาร และมีแนวโน้มว่าผลการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเป็นปัจจัยที่กำหนดทิศทางของดอลลาร์ในระยะใกล้เป็นอย่างน้อย โดยมีการคาดการณ์กันว่า สกุลเงินอาจจะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงมากเป็นพิเศษ ถ้าหากพรรคการเมืองของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐสามารถครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสได้ด้วย ทั้งนี้ ดอลลาร์ร่วงลงในวันอังคาร ถึงแม้เว็บไซต์การพนัน ซึ่งรวมถึง PredictIt และ Polymarket แสดงให้เห็นว่า มีโอกาสมากยิ่งขึ้นที่นายโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันจะชนะการเลือกตั้ง โดยก่อนหน้านี้ดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวเคยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า นโยบายด้านภาษีนำเข้าและนโยบายด้านผู้อพยพของนายทรัมป์มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ และนักลงทุนมองว่า นโยบายด้านภาษีนำเข้ากับความไม่แน่นอนในสหรัฐก็มีแนวโน้มที่จะส่งผลลบต่อสกุลเงินของประเทศอื่น ๆ ด้วย
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.37 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยร่วงลงจาก 103.93 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยระดับ 103.37 ถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 151.60 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 152.13 เยน หลังจากดิ่งลงแตะ 151.35 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0930 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0877 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1.09368 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.
นักวิเคราะห์และเทรดเดอร์คาดการณ์กันว่า ถ้าหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เขาก็อาจจะดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้า และปัจจัยดังกล่าวจะสร้างความเสียหายเป็นอย่างมากต่อจีนและเม็กซิโก ทางด้านค่าความผันผวนระยะหนึ่งสัปดาห์ของยูโร/ดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2023 ในช่วงนี้ ส่วนค่าความผันผวนของหยวนในตลาดต่างประเทศ/ดอลลาร์ทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุด ในขณะที่ค่าความผันผวนของดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิโกพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 ทั้งนี้ หยวนในตลาดต่างประเทศแข็งค่าขึ้น 0.13% สู่ 7.103 หยวนต่อดอลลาร์ในวันอังคาร ส่วนเปโซเม็กซิโกปรับขึ้น 0.15% สู่ 20.092 เปโซต่อดอลลาร์ในวันอังคาร ทางด้านบิทคอยน์พุ่งขึ้น 3.10% สู่ 69,154 ดอลลาร์ในวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนมองว่านโยบายของนายทรัมป์จะส่งผลดีต่อสกุลเงินคริปโต
นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 98.5% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.50-4.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 6-7 พ.ย. และมีโอกาส 1.5% ที่เฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.75-5.00% ตามเดิมในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 6-7 พ.ย. โดยนักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาส 78% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. และคาดว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.67% ในปี 2025 ทั้งนี้ นักลงทุนไม่แน่ใจว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากน้อยเพียงใดในอนาคต หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอเกินคาดในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยกระทรวงแรงงานรายงานว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 12,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2020 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +113,000 ตำแหน่ง ในขณะที่นักลงทุนมองว่า พายุเฮอริเคนและการผละงานประท้วงเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวเลขการจ้างงานเดือนต.ค.อยู่ในระดับต่ำ
สถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานในวันอังคารว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นจาก 54.9 ในเดือนก.ย. สู่ 56.0 ในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดในรอบกว่าสองปี และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 53.8 โดยดัชนี PMI ได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานที่ดีดขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่อยู่ในระดับต่ำในเดือนต.ค.อาจเป็นเพียงการบิดเบือนชั่วคราว--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)