ผู้เขียน หัวข้อ: World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้  (อ่าน 227 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 85608
    • ดูรายละเอียด

World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 15, 2023 07:10 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สื่อต่างประเทศทุกสำนัก รวมถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์กและรอยเตอร์ต่างก็รายงานผลการเลือกตั้งของไทย โดยบลูมเบิร์กรายงานว่า หากพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสินค้าผู้บริโภค และธุรกิจการท่องเที่ยว เมื่อพิจารณาจากการที่ทั้งสองพรรคมีนโยบายมุ่งเน้นการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศและพลิกฟื้นเศรษฐกิจของไทยให้กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง

-- ตลาดการเงินทั่วโลกยังคงจับตาปัญหาเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ โดยล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวว่า เขาอาจจะประชุมร่วมกับแกนนำสภาคองเกรสในวันอังคารที่ 16 พ.ค. เพื่อเจรจาต่อรองเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์

-- เมียนมาและบังกลาเทศกำลังเร่งอพยพประชาชนหลายแสนคน เนื่องจากพายุไซโคลนมอคค่า (Mocha) พัดขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลมสูงถึง 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่ากับเฮอร์ริเคนระดับ 4 และอาจพัดถล่มค่ายผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกในบังกลาเทศ ซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวโรฮิงญาประมาณหนึ่งล้านคนที่มาจากเมียนมาเมื่อหลายปีก่อน

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหประชาชาติ ได้เตือนว่าจะเกิดฝนตกหนัก น้ำท่วม และดินถล่มที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่เปราะบางที่สุดในโลกหลายแสนคน รวมถึงผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาในบังกลาเทศ และอีก 6 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในรัฐยะไข่ของเมียนมา

-- ชาวญี่ปุ่นหลายร้อยคนเดินขบวนตามท้องถนนในเมืองฮิโรชิมาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G7 โดยชาวเมืองฮิโรชิมาราว 200 คนได้เดินขบวนถือป้ายที่มีข้อความว่า "ไม่เอา G7" และ "ไม่เอาสงคราม" ในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานที่จัดการประชุมสุดยอดครั้งสำคัญนี้

นายโทชิยูกิ ทานากะ นักประวัติศาสตร์และศาสตราจารย์กิตติคุณจากมหาวิทยาลัยเมืองฮิโรชิมา กล่าวว่า "ญี่ปุ่นกำลังใช้เมืองฮิโรชิมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองด้วยการจัดการประชุมสุดยอด G7 ถึงเวลาที่ชาวเมืองฮิโรชิมาต้องตื่นรู้ได้แล้ว"

-- สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เตรียมสร้างศูนย์พัฒนาชิปในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมชิปของญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ได้เป็นอย่างดี

โรงงานแห่งใหม่จะมีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านเยน (ราว 222 ล้านดอลลาร์) และตั้งอยู่ในเมืองโยโกฮามาทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาบันวิจัยและพัฒนาซัมซุงอยู่ก่อนแล้ว

-- ทนายความของนายอิมราน ข่าน อดีตนายกรัฐมนตรีของปากีสถานเปิดเผยว่า ศาลปากีสถานได้สั่งปล่อยตัวนายข่านโดยให้ประกันตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากที่การจับกุมตัวนายข่านในคดีฉ้อโกงที่ดินทำให้เกิดการประท้วงรุนแรงและการปะทะกับกองทัพ

ทั้งนี้ การจับกุมตัวนายข่านซึ่งศาลฎีกาตัดสินว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ได้สร้างความปั่นป่วนในปากีสถานที่มีประชากร 220 ล้านคนท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ โดยอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจชะลอตัว และมีความล่าช้าในการขอรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

-- สำนักงานความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติ (NHTSA) ของสหรัฐเรียกร้องให้มีการเรียกคืนถุงลมนิรภัย 67 ล้านถุง เนื่องจากเชื่อว่ามีความบกพร่องด้านความปลอดภัย แต่เออาร์ซี ออโตโมทีฟ อิงค์ (ARC Automotive Inc) ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของบริษัทรถยนต์ ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของ NHTSA

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ถุงลมนิรภัยของเออาร์ซีติดตั้งอยู่ในรถยนต์ของเจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM), สเตลแลนทิสซึ่งเป็นบริษัทแม่ของไครสเลอร์, บีเอ็มดับบลิว, ฮุนได มอเตอร์ และเกีย มอเตอร์

-- ไบแนนซ์ประกาศถอนธุรกิจออกจากแคนาดา หลังจากรัฐบาลแคนาดาออกข้อกำหนดใหม่ ๆ เกี่ยวกับการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งรวมถึงการจำกัดวงเงินลงทุนของนักลงทุนและการกำหนดให้บริษัทซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีต้องจดทะเบียนกับรัฐบาลแคนาดา

ทั้งนี้ รัฐบาลแคนาดาได้ดำเนินการคุมเข้มด้านกฎระเบียบสำหรับแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์คริปโทฯ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาด้วยการแนะนำกระบวนการก่อนการจดทะเบียน

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยญี่ปุ่นมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., อินโดนีเซียเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย., อียูเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค., อินเดียเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย. และสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก