ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 24 มกราคม 2566  (อ่าน 136 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84924
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 254.07 จุด รับแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ,คาดเฟดชะลอขึ้นดบ.
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ม.ค. 2566)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (23 ม.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ และโบอิ้ง
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,629.56 จุด พุ่งขึ้น 254.07 จุด หรือ +0.76%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,019.81 จุด เพิ่มขึ้น 47.20 จุด หรือ +1.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,364.41 จุด พุ่งขึ้น 223.98 จุด หรือ +2.01%
          ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากความเห็นของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดซึ่งกล่าวว่า เฟดอาจใกล้ถึงจุดที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการชะลอเงินเฟ้อ
          ทั้งนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
          หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 2.3% โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 0.98% หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 2.35% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.81% หุ้นเมตา แพลตฟอร์ม พุ่งขึ้น 2.8%
          หุ้นกลุ่มผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์พุ่งขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอินเทล ทะยานขึ้น 3.59% หุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 7.59% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 5.75% หุ้นควอลคอม พุ่งขึ้น 6.62%
          หุ้นสปอติฟาย เทคโนโลยี  ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งดนตรีของสวีเดน พุ่งขึ้น 2.07% หลังบริษัทประกาศปลดพนักงานจำนวน 6% หรือราว 600 คน โดยสปอติฟายปรับลดพนักงานเช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ เนื่องจากผลกระทบของการทรุดตัวของรายได้จากการโฆษณา รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ถูกกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ
          หุ้นเซลส์ฟอร์ซ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์บนระบบคลาวด์ พุ่งขึ้น 3.1% ขานรับรายงานข่าวที่ว่าบริษัทเอลเลียต แมเนจเมนท์ เข้าซื้อหุ้นในเซลส์ฟอร์ซ์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
          หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการขุดเจาะน้ำมัน ร่วงลง 1.54% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2565 ที่ระดับ 38 เซนต์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 40 เซนต์ เนื่องจากผลกระทบของเงินเฟ้อ การขาดแคลนแรงงาน และปัญหาห่วงโซ่อุปทานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
          นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์, เทสลา, โบอิ้ง, 3M, ยูเนียน แปซิฟิก คอร์ป และนอร์ธรอป กรัมแมน
          ข้อมูลจากรีฟินิทิฟ (Refinitiv) ระบุว่า บริษัท 57 แห่งที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2565 แล้ว โดยในจำนวนนี้มี 63% ที่รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด
          นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยตัวเลขประมาณการเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2565 ในวันพฤหัสบดีนี้ และการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค อีกทั้งมีความครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
โดย รัตนา พงศ์ทวิช

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 2 เซนต์ นลท.ขายทำกำไรหลังราคาพุ่งแรง
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ม.ค. 2566)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (23 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมัน WTI พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ในระหว่างวัน
          ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 81.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 0.64% ปิดที่ 88.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
          ฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Price Futures Group กล่าวว่า ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นแตะระดับ 82.64 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 2565 อย่างไรก็ดี นักลงทุนส่งแรงขายทำกำไรเข้ามาในช่วงท้ายตลาด ซึ่งส่งผลให้สัญญาน้ำมัน WTI ปิดในแดนลบ
          สำหรับปัจจัยที่ทำให้สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระหว่างวันนั้น มาจากความหวังที่ว่าการเปิดประเทศของจีนจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
          นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า การเดินทางภายในประเทศของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 โดยการจราจรบนถนนในเมืองสำคัญ 15 แห่งมีความคับคั่งขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว บ่งชี้ถึงการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก
          ทางด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า ตลาดพลังงานจะเผชิญภาวะตึงตัวมากขึ้นในปีนี้ อันเนื่องมาจากอุปสงค์พุ่งขึ้นจากการที่จีนเปิดประเทศ และอุปทานที่ลดลงจากการที่รัสเซียเผชิญมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐและชาติตะวันตก
          ทั้งนี้ IEA คาดว่าการผลิตน้ำมันของรัสเซียจะลดลง 14% สู่ระดับ 9.6 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2566 และคาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 สู่ระดับ 101.6 ล้านบาร์เรล/วัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันจากจีนและอินเดีย
          นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลาประมาณ 22.30 น.ตามเวลาไทย
โดย รัตนา พงศ์ทวิช

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก 40 เซนต์ รับคาดการณ์เฟดชะลอขึ้นดบ.
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ม.ค. 2566)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (23 ม.ค.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
          ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,928.60 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 38.1 เซนต์ หรือ 1.59% ปิดที่ 23.554 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 8.5 ดอลลาร์ หรือ 0.81% ปิดที่ 1,056.3 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 21.80 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 1,701.40 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาทองคำยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2565 โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีแนวโน้มที่จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่อง
          นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐต่างบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
          ทั้งนี้ การชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนที่ถือครองเงินสกุลอื่น ๆ
โดย รัตนา พงศ์ทวิช