ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 186.45 หลังพาวเวลเลี่ยงส่งสัญญาณดอกเบี้ย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ม.ค. 2566)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (10 ม.ค.) หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณใด ๆ ที่บ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งล่าสุด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,704.10 จุด เพิ่มขึ้น 186.45 จุด หรือ +0.56%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,919.25 จุด เพิ่มขึ้น 27.16 จุด หรือ +0.70% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,742.63 จุด เพิ่มขึ้น 106.98 จุด หรือ +1.01%
นายพาวเวลได้กล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ในการเสวนาที่จัดขึ้นโดยธนาคารกลางสวีเดนที่กรุงสตอกโฮล์มเมื่อวานนี้ โดยนายพาวเวลได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ธนาคารกลางจะต้องมีความเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมือง ในช่วงเวลาที่ธนาคารกลางกำลังเร่งควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง แต่นายพาวเวลไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในงานเสวนาครั้งนี้
การใช้มาตรการสร้างเสถียรภาพด้านราคานั้น จำเป็นต้องใช้การตัดสินใจที่ยากลำบาก ซึ่งอาจไม่เป็นที่พอใจของนักการเมือง เสถียรภาพของราคาถือเป็นรากฐานของการมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และจะเกิดประโยชน์ต่อสาธารณะในระยะยาว แต่การฟื้นฟูเสถียรภาพของราคาในขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงนั้น จำเป็นต้องใช้มาตรการที่อาจสร้างความไม่พอใจในระยะสั้น ขณะที่เราขึ้นดอกเบี้ยเพื่อให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ซึ่งการที่ฝ่ายการเมืองไม่ได้ใช้อำนาจควบคุมการตัดสินใจของเรา ทำให้เราสามารถใช้มาตรการที่มีความจำเป็นโดยไม่ต้องพิจารณาถึงปัจจัยทางการเมืองระยะสั้น นายพาวเวลกล่าว
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นแอมะซอนพุ่งขึ้น 2.87% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.45% หุ้นสแนป พุ่งขึ้น 2.34% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 2.72%
หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 0.76% หลังจากเว็บไซต์เซมาฟอร์ (Semafor) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทไมโครซอฟท์กำลังเจรจาเรื่องการลงทุนมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในบริษัทโอเพ่นเอไอ (OpenAI) ซึ่งเป็นเจ้าของแชตจีพีที (ChatGPT) โดยแชตจีพีทีเป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อเลียนแบบการสื่อสารของมนุษย์ ซึ่งมีความสามารถหลากหลาย เช่นการสนทนาโต้ตอบและเขียนบทความ
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.46% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 0.49% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.24% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 0.61%
หุ้นบรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ลดลง 0.34% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทแอปเปิ้ลวางแผนที่จะระงับการซื้อชิปจากบรอดคอมในปี 2568 และหันมาใช้ชิปที่แอปเปิ้ลออกแบบขึ้นเอง
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนธ.ค.ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 6.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 7.1% ในเดือนพ.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 5.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 6.0% ในเดือนพ.ย.
โดย รัตนา พงศ์ทวิช
ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 49 เซนต์ รับแนวโน้มอุปสงค์เชื้อเพลิงสดใส
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ม.ค. 2566)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (10 ม.ค.) หลังจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐคาดการณ์ว่าปริมาณการใช้เชื้อเพลิงทั่วโลกมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีหน้า
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 75.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 80.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยรายงานแนวโน้มพลังงานระยะสั้น (Short-Term Energy Outlook) โดยระบุว่า ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงทั่วโลกมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 102.2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของหลายประเทศ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ซึ่งรายงานดังกล่าวสะท้อนถึงแนวโน้มที่สดใสของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
นักลงทุนจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหนือระดับ 5% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาที่กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงระดับ 5.0-5.25% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ขณะที่นางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ระบุเช่นกันว่า เฟดควรปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าระดับ 5.0% โดยแตะระดับสูงสุดที่ 5.0-5.25% และคงดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวต่อไประยะหนึ่ง เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณใด ๆ ที่บ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาที่จัดขึ้นโดยธนาคารกลางสวีเดนที่กรุงสตอกโฮล์มเมื่อวานนี้ โดยกล่าวเพียงว่าธนาคารกลางจะต้องมีความเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมือง ในช่วงเวลาที่ธนาคารกลางกำลังเร่งควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนธ.ค.ในวันพฤหัสบดีนี้ รวมทั้งจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐในวันนี้
โดย รัตนา พงศ์ทวิช
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $1.3 ดอลล์แข็ง-บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดตลาด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ม.ค. 2566)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (10 ม.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.3 ดอลลาร์ หรือ 0.07% ปิดที่ 1,876.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 20.6 เซนต์ หรือ 0.86% ปิดที่ 23.665 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 10.1 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 1,088.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.90 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,777.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.23% แตะที่ระดับ 103.2360 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 3.589% เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนธ.ค.ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 6.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 7.1% ในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 5.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 6.0% ในเดือนพ.ย.
โดย รัตนา พงศ์ทวิช