ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 5 กุมภาพันธ์ 2564  (อ่าน 749 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84444
    • ดูรายละเอียด

***ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 332.26 จุด รับข้อมูลแรงงาน-ผลประกอบการสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 5, 2021 06:30 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐจะเร่งผลักดันให้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในไม่ช้านี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,055.86 จุด เพิ่มขึ้น 332.26 จุด หรือ +1.08% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,871.74 จุด เพิ่มขึ้น 41.57 จุด หรือ +1.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,777.74 จุด เพิ่มขึ้น 167.20 จุด หรือ +1.23%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 779,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 830,000 ราย จากระดับ 812,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นักลงทุนมองว่า ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ พร้อมกับจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 2.28% โดยหุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 3.03% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.91% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.30% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.39% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 1.8%

หุ้นเพย์พาล โฮลดิ้ง (PayPal Holding) พุ่งขึ้น 7.36% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิ 1.57 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.32 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส 4/2563 เพิ่มขึ้นจากระดับ 507 ล้านดอลลาร์ หรือ 43 เซนต์ต่อหุ้น ในไตรมาส 4 ของปี 2562 โดยกำไรสุทธิของเพย์พาลพุ่งขึ้นถึง 3 เท่า เพราะได้แรงหนุนจากยอดการใช้จ่ายออนไลน์ที่สูงขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

หุ้นอีเบย์ พุ่งขึ้น 5.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 86 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 83 เซนต์ นอกจากนี้ ตัวเลขคาดการณ์ยอดขายและกำไรในไตรมาส 1 ปีนี้ของอีเบย์ยังออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้

หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 2.58% หลังมีข่าวว่า แอปเปิลใกล้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทฮุนไดและเกีย มอเตอร์ เพื่อผลิต "แอปเปิล คาร์" ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ ที่โรงงานของเกีย มอเตอร์ในรัฐจอร์เจียของสหรัฐ

หุ้นยัม แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพิซซ่า ฮัท และเคนตั๊กกี ฟรายชิกเก้น (KFC) ปิดตลาดปรับตัวลง 1.9% หลังจากที่พุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการในระหว่างวัน โดยยัม แบรนด์สเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 1.15 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.01 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้น GameStop ปิดตลาดทรุดลง 44.11% ขณะที่นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินเพื่อหารือเกี่ยวกับความผันผวนในตลาดหุ้นซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่นักลงทุนรายย่อยปั่นราคาหุ้น GameStop

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนพ.ย. โดยการดีดตัวของคำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ส่วนในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากลดลง 140,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.


***น้ำมัน WTI ปิดบวก 54 เซนต์ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจแข็งแกร่ง

ข่าวต่างประเทศ Friday February 5, 2021 06:46 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่สูงเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 56.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.2563

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 58.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.2563

สัญญาน้ำมันดิบปิดในแดนบวกหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการใช้พลังงาน

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนพ.ย. โดยการดีดตัวของคำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 779,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 830,000 ราย จากระดับ 812,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ม.ค. แตะระดับ 475.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563

ข้อมูลจาก EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล

ด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ม.ค.


***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $43.9 นลท.ขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังข้อมูลศก.แข็งแกร่ง

ข่าวต่างประเทศ Friday February 5, 2021 06:58 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 40 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ยังเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 43.9 ดอลลาร์ หรือ 2.39% ปิดที่ 1,791.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 65.5 เซนต์ หรือ 2.44% ปิดที่ 26.234 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 11.5 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 1,103 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 4.10 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 2,280.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ดีดตัวขึ้น โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.39% สู่ระดับ 91.5209 เมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ

ขณะเดียวกันการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะดึงดูดให้นักลงทุนหันเข้าซื้อพันธบัตร ขณะที่เทขายทอง ในการปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 779,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 830,000 ราย จากระดับ 812,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนพ.ย. โดยการดีดตัวของคำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19