ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 30 มกราคม 2564  (อ่าน 767 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84444
    • ดูรายละเอียด


***ดาวโจนส์ปิดร่วง 620.74 จุด วิตกวัคซีนจอห์นสัน,ปั่นหุ้น GameStop ฉุดตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday January 30, 2021 06:15 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) และร่วงลงมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2563 โดยตลาดถูกกดดันจากรายงานผลการทดลองประสิทธิภาพวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่น่าผิดหวังจากบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) และภาวะผันผวนในตลาดที่เกิดจากการปั่นหุ้น GameStop ซึ่งเป็นหุ้นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,982.62 จุด ร่วงลง 620.74 จุด หรือ -2.03%, ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,714.24 จุด ร่วงลง 73.14 จุด หรือ -1.93% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,070.69 จุด ร่วงลง 266.46 จุด หรือ -2.00%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีทั้ง 3 ตัวร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สิ้นเดือนต.ค. 2563 โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วง 3.28%, S&P500 ร่วง 3.31% และดัชนี Nasdaq ร่วง 3.49% และทั้งเดือนม.ค.นั้น ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.04%, ดัชนี S&P500 ลดลง 1.12% ขณะที่ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.42%

ตลาดถูกกดดันจากหุ้น J&J ที่ร่วงลง 3.56% หลังเปิดเผยว่า วัคซีนของบริษัทโดสเดียวมีประสิทธิภาพ 72% ในการป้องกันโรคโควิด-19 ในสหรัฐ และต่ำกว่า 66% ในการทดลองทั่วโลก ซึ่งถือเป็นระดับประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นาซึ่งอยู่ที่ราว 95% ในการป้องกันโรคโควิดเมื่อฉีด 2 โดส

หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 8.53% และหุ้นไฟเซอร์ เพิ่มขึ้น 0.11%

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการปั่นหุ้น GameStop ซึ่งปิดพุ่งขึ้น 67.87% หลังจากหุ้นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐแห่งนี้พุ่งขึ้นมากกว่า 1,000% แล้วนับตั้งแต่ต้นเดือนนี้ ซึ่งเป็นผลจากการรวมตัวกันของนักลงทุนรายย่อยของสหรัฐในการเข้าซื้อเพื่อดันราคาขึ้น โดยหวังจะสั่งสอนกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ที่มักเก็งกำไรด้วยการขายชอร์ตในตลาด

ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนใน WallStreetBets ซึ่งเป็นบอร์ดย่อยใน Reddit ซึ่งเป็นเว็บบอร์ดที่มีสมาชิกกว่า 4 ล้านราย และเป็นแหล่งที่นักลงทุนรายย่อยมักเข้าสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการซื้อขายหุ้นในตลาด ได้เล็งเป้าหมายที่จะผลักดันราคาหุ้น GameStop ให้สูงขึ้นเพื่อกดดันให้เฮดจ์ฟันด์ต้องกลับเข้าซื้อคืนหุ้นดังกล่าวเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ขายชอร์ตก่อนหน้านี้ โดยเก็งว่า GameStop จะต้องปิดกิจการในไม่ช้า

การกระทำดังกล่าวของนักลงทุนรายย่อยทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ประสบภาวะขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์

ขณะนี้ มีความวิตกกันว่า หากหุ้น GameStop ยังคงพุ่งขึ้นต่อไป ก็จะทำให้เฮดจ์ฟันด์ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งจะส่งผลให้เฮดจ์ฟันด์เหล่านี้พากันเทขายหุ้นอื่นในตลาดเพื่อระดมเงินมาชดเชยผลขาดทุนจากการเก็งกำไรใน GameStop

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลกันว่า ปรากฎการณ์ GameStop เป็นการส่งสัญญาณถึงการเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาด ซึ่งหากฟองสบู่แตก ก็จะสร้างความตื่นตระหนก และกระทบนักลงทุนรายย่อยอย่างหนัก

การซื้อขายหุ้น GameStop ดันวอลุ่มซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์คพุ่งแตะ 1.713 หมื่นล้านหุ้น สูงกว่าวอลุ่มเฉลี่ยในรอบ 20 วันทำการที่ผ่านมาที่ 1.526 หมื่นล้านหุ้น

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) เปิดเผยว่า จะจับตาอย่างใกล้ชิดกับการซื้อขายหุ้นของบรรดาโบรกเกอร์และเทรดเดอร์ในโซเชียล มีเดีย

ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ปิดตลาดที่ระดับต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในรอบ 50 วันซึ่งเป็นแนวรับทางเทคนิค

หุ้นแอปเปิล ร่วง 3.74% และหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วง 2.92% โดยถูกกดดันจากแรงขายของเฮดจ์ฟันด์เพื่อชดเชยการขาดทุนจากการขายชอร์ตหุ้น GameStop เป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

สำหรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐเมื่อคืนนี้ได้แก่ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่บ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 79.0 ในเดือนม.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 79.2 จากระดับ 80.7 ในเดือนธ.ค., สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 0.3% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 0.1%, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 หลังจากดิ่งลง 0.7% ในเดือนพ.ย., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. หลังจากทรงตัวในเดือนพ.ย. และกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (ECI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนแรงงานที่กว้างที่สุด เพิ่มขึ้น 0.7% ในไตรมาส 4/2563 เมื่อเทียบรายไตรมาส สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในไตรมาส 3/2563

***น้ำมัน WTI ปิดลบ 14 เซนต์ วิตกดีมานด์ลดจากล็อกดาวน์-ศก.ชะลอตัว

ข่าวต่างประเทศ Saturday January 30, 2021 06:40 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง หลังจากหลายประเทศดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 52.20 ดอลลาร์/บาร์เรล และในรอบสัปดาห์นี้ ลดลง 0.1% แต่เพิ่มขึ้น 7.6% ในเดือนม.ค.

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 55.88 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยในรอบสัปดาห์นี้เพิ่มขึ้นเกือบ 0.9% และเพิ่มขึ้น 7.9% ในเดือนม.ค.

ตลาดน้ำมันถูกกดดันจากความล่าช้าในการกระจายวัคซีนโควิด-19 และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน

บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าแถลงว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด จะมีการส่งมอบไปยังสหภาพยุโรป (EU) ต่ำกว่าเป้าหมายจนถึงปลายเดือนมี.ค. อันเนื่องจากปัญหาด้านการผลิต โดยคาดว่าจะลดปริมาณการส่งมอบวัคซีนลง 60% เหลือเพียง 31 ล้านโดส ขณะที่บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ระบุเช่นกันว่า ทางบริษัทจะลดการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 เหลือเพียง 50% ให้แก่ยุโรป โดยจะกระทบการส่งมอบช่วงสิ้นเดือนนี้จนถึงต้นเดือนหน้า

นอกจากนี้ นักลงทุนผิดหวังกับประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) หลังผลการทดลองพบว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพ 72% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ แต่ต่ำกว่า 66% ในภูมิภาคอื่นของโลก

อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังคงได้แรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย และการลดลงของสต็อกน้ำมันสหรัฐ

ซาอุดีอาระเบียจะปรับลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 8.125 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติคงกำลังการผลิตน้ำมันที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค.

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลง 9.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ม.ค. ซึ่งปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล

***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $9.1 นลท.แห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังหุ้นร่วงหนัก

ข่าวต่างประเทศ Saturday January 30, 2021 07:01 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากไม่แน่ใจกับเสถียรภาพของตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งร่วงลงอย่างรุนแรงจากความวิตกเกี่ยวกับการปั่นหุ้น GameStop นอกจากนี้ ความวิตกเกี่ยวกับความล่าช้าในการส่งมอบวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนั้น เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยด้วย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 9.1 ดอลลาร์ หรือ 0.49% ปิดที่ 1,850.3 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่สัญญาทองลดลง 0.5% ในรอบสัปดาห์นี้ และลดลง 2.4% ในเดือนม.ค.

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 99.2 เซนต์ หรือ 3.83% ปิดที่ 26.914 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6.8 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 1,079.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 113.90 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 2,208.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้รับแรงหนุน เนื่องจากนักลงทุนพากันซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางภาวะผันผวนในตลาดหุ้นนิวยอร์กจากการซื้อขายหุ้น GameStop และดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงอย่างหนักมากกว่า 600 จุด

นอกจากนี้ ราคาทองยังได้แรงหนุนจากความล่าช้าในการจัดส่งวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ไปยังยุโรป

บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าแถลงว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด จะมีการส่งมอบไปยังสหภาพยุโรป (EU) ต่ำกว่าเป้าหมายไปจนถึงปลายเดือนมี.ค. อันเนื่องจากปัญหาด้านการผลิต โดยคาดว่าจะมีการลดปริมาณการส่งมอบวัคซีนลง 60% เหลือเพียง 31 ล้านโดส

ด้านบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ระบุเช่นกันว่า ทางบริษัทจะลดการส่งมอบวัคซีนต้านโควิด-19 เหลือเพียง 50% ให้แก่ยุโรป โดยจะกระทบการส่งมอบช่วงสิ้นเดือนนี้จนถึงต้นเดือนหน้า