ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดดิ่ง 80.60 จุด วิตกสถานการณ์โควิดทั่วโลกฉุดนลท.สถาบัน-ต่างชาติเทขาย

[Rakayang.Com]

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดดิ่ง 80.60 จุด วิตกสถานการณ์โควิดทั่วโลกฉุดนลท.สถาบัน-ต่างชาติเทขาย
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 2563)--SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,401.78 จุด ลดลง 80.60 จุด (-5.44%) มูลค่าการซื้อขาย 129,435.44 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยร่วงแรงกว่าที่คาด จากความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศที่กลับมาระบาดรอบใหม่ หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ทำให้คาดว่านักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติน่าจะยังเทขายต่อเนื่อง เพื่อรอดูสถานการณ์ ขณะที่ตลาดหุ้นในยุโรปและดาวโจนส์ฟิวเจอร์สร่วงลง จากมีรายงานพบการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ และหลายประเทศในยุโรประงับเที่ยวบินจากอังกฤษ อย่างไรก็ตามคาดว่าน่าจะเริ่มเห็นแรงซื้อทยอยสะสมกลับมาบริเวณ 1,400 จุดหลังจากที่ดัชนีปรับลดลงไปมาก โดยมองแนวรับในวันพรุ่งนี้ ที่ 1,400 และ 1,370 จุด ส่วนแนวต้าน ที่ 1,430-1,440 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,401.78 จุด ลดลง 80.60 จุด (-5.44%) มูลค่าการซื้อขาย 129,435.44 ล้านบาท
          การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,453.88 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,401.58 จุด
          ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 339 หลักทรัพย์ ลดลง 1,648 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 132 หลักทรัพย์
          นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงกว่าที่คาดว่าจะลดลงราว 3% แต่ช่วงท้ายก็มีแรงขายออกมาอีกระลอก จากปัจจัยหลักที่นักลงทุนกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศ หลังพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และยังพบการกระจายในหลายจังหวัด นักลงทุนกลับมากังวลว่าจะมีการล็อกดาวน์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดในวงกว้างหรือไม่ ทำให้คาดว่าน่าจะยังเห็นแรงขายของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย
          ขณะเดียวกันตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดช่วงบ่ายก็ร่วงลงแรง นอกเหนือจากความกังวลต่อข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่ยังเจรจาไม่เสร็จสิ้นแล้ว ยังมาจากสถานการณ์โควิด-19 หลังมีรายงานพบการกลายพันธุ์ของไวรัสในอังกฤษ ทำให้หลายประเทศในยุโรประงับเที่ยวบินจากอังกฤษ ขณะที่อังกฤษกลับมาล็อกดาวน์ฉุกเฉินด้วย ส่วนดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ร่วงลงกว่า 100 จุดจากความกังวลในเรื่องดังกล่าว โดยตลาดไม่ได้ตอบรับเชิงบวกต่อการที่สภาคองเกรสสหรัฐบรรลุข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์
          อย่างไรก็ตามระยะสั้นมองว่าการที่ดัชนีไหลลงมาระดับใกล้เคียง 1,400 จุด น่าจะเริ่มเห็นแรงซื้อทยอยสะสมกลับเข้ามาในหุ้นพื้นฐานที่ปรับลดลงแรง แต่ระยะยาวยังต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศด้วยเพราะหากยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มและมีการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่มากขึ้นก็อาจจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ทำให้มองว่าการแกว่งตัวของดัชนีในวันพรุ่งนี้ (22 ธ.ค.) มีแนวรับบริเวณ 1,400 และ 1,370 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,430-1,440 จุด
          ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
          KBANK  มูลค่าการซื้อขาย    6,213.97 ล้านบาท  ปิดที่ 110.00 บาท  ลดลง   9.00 บาท
          BANPU  มูลค่าการซื้อขาย    4,451.24 ล้านบาท  ปิดที่  10.90 บาท  ลดลง   0.40 บาท 
          PTT    มูลค่าการซื้อขาย    4,421.59 ล้านบาท  ปิดที่  40.50 บาท  ลดลง   2.25 บาท 
          STGT   มูลค่าการซื้อขาย    3,764.93 ล้านบาท  ปิดที่  73.50 บาท  ลดลง   0.25 บาท
          CPALL  มูลค่าการซื้อขาย    3,658.42 ล้านบาท  ปิดที่  59.75 บาท  ลดลง   2.25 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--