ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 2 ตุลาคม พ.ศ. 2563  (อ่าน 855 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84444
    • ดูรายละเอียด

***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $20.8 นักลงทุนซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังข้อมูลศก.ซบเซา

ข่าวต่างประเทศ Friday October 2, 2020 07:23 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่ลดลงมากกว่าคาดในเดือนก.ย. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 20.8 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1,916.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.ปีนี้

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 3.23% ปิดที่ 24.254 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.2 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 906 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.30 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 2,328.20 ดอลลาร์/ออนซ์

ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลหลายรายการเมื่อคืนนี้ ซึ่งนักลงทุนมองว่าข้อมูลเหล่านี้สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซาของสหรัฐ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 55.4 ในเดือนก.ย. จากระดับ 56.0 ในเดือนส.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.3

ทั้งนี้ การปรับตัวลงของดัชนีภาคการผลิตในเดือนก.ย.ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่การจ้างงานยังคงอยู่ในภาวะหดตัว

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนส.ค. ซึ่งแม้ว่าสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8% แต่การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคในเดือนส.ค.ขยายตัวน้อยกว่าในเดือนก.ค.ซึ่งมีการขยายตัว 1.5% นอกจากนี้ รายได้ส่วนบุคคลลดลง 2.7% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนอัตราการออมลดลงสู่ระดับ 14.1%

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 8.2% ในเดือนก.ย.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

***น้ำมัน WTI ปิดร่วง 1.50 ดอลล์ วิตกโควิดฉุดอุปสงค์น้ำมันชะลอตัว

ข่าวต่างประเทศ Friday October 2, 2020 06:53 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 1.50 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 38.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 40.93 ดอลลาร์/บาร์เรล

ฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทไพร์ซ ฟิวเจอร์ กรุ๊ป กล่าวว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลก ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ย. โดยลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล

ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 831,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ย.

ข้อมูลล่าสุดจาก Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกมีจำนวนมากกว่า 34 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 1 ล้านราย ขณะที่สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลก โดยมีจำนวนมากกว่า 7 ล้านราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 2 แสนราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในโลกเช่นกัน

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 160,000 บาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนส.ค. โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มการผลิตของลิเบียและอิหร่าน

***ดาวโจนส์ปิดบวก 35.20 จุด จับตามาตรการกระตุ้นศก.,ตัวเลขจ้างงานสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 2, 2020 06:33 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) โดยนักลงทุนยังรอคอยความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ ซึ่งขณะนี้ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสยังคงมีความเห็นที่ขัดแย้งเกี่ยวกับวงเงินของมาตรการดังกล่าว ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,816.90 จุด เพิ่มขึ้น 35.20 จุด หรือ +0.13% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,380.80 จุด เพิ่มขึ้น 17.80 จุด หรือ +0.53% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,326.51 จุด เพิ่มขึ้น 159.00 จุด หรือ +1.42%

ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนรอคอยความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจนถึงขณะนี้ทำเนียบขาวและสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสยังคงมีความเห็นที่ขัดแย้งเกี่ยวกับวงเงินในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยพรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่พรรครีพับลิกันเสนอวงเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารพุ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1.4% โดยหุ้นแอมะซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 4.92% หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 1.81% หุ้นแอปเปิล บวก 0.85% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.52%

หุ้นเป๊ปซี่โค ปรับตัวขึ้น 1.6% ขณะที่หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ทะยานขึ้น 25.1% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาด

หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ดีดตัวขึ้น 1.2% หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐได้ตกลงขยายวงเงินกู้ให้กับเจ็ทบลูเป็น 1.14 พันล้านดอลลาร์ จนถึงวันที่ 26 มี.ค.ปีหน้า ภายใต้โครงการ Cares Act

หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวขึ้น 1.6% หลังจากนายสตีฟ ดิคสัน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) ได้แสดงความพอใจในการทดสอบเที่ยวบินของเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max

หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากจีเอ็มได้แสดงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์และยอดขายของบริษัทในเดือนก.ย.

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลง 3.7% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.47% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.19% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 3.2% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 7.3%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 837,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 850,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 873,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนก.ค.

ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 55.4 ในเดือนก.ย. จากระดับ 56.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2561 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.3

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค.

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 8.2% ในเดือนก.ย.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน