****ดาวโจนส์พลิกพุ่งกว่า300 จุด-หุ้น?แอ๊ปเปิ้ล?นำตลาด
26 กันยายน 2563
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์(25ก.ย.)พลิกพุ่งขึ้นกว่า 300 จุด หลังร่วงลงในช่วงแรก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นำโดยแอ๊ปเปิ้ล อิงค์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 358.52 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 27,173.96 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้น 51.87 จุดหรือ 1.60% ปิดที่ 3,298.46 จุดและดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 241.30 จุด หรือ 2.26% ปิดที่ 10,913.56 จุด
ถึงแม้ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นในวันนี้ แต่ก็ร่วงลง 3% ในสัปดาห์นี้ และมีแนวโน้มปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งจะเป็นช่วงขาลงที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2562
หุ้นแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ ซึ่งเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากที่บริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ ออกรายงานระบุว่า นักลงทุนควรเข้าซื้อหุ้นแอ๊ปเปิ้ลในขณะนี้ หลังจากที่ราคาหุ้นดิ่งลงอย่างหนักก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ แอ๊ปเปิ้ล ยังออกแถลงการณ์ยืนยันว่า บริษัทได้ปฏิบัติตามกฎหมายภาษีของไอร์แลนด์ หลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) ได้ตัดสินใจยื่นฏีกาต่อศาลสูงสุดของยุโรป เพื่อให้ศาลมีคำตัดสินให้แอ๊ปเปิ้ล จ่ายภาษีย้อนหลังให้แก่รัฐบาลไอร์แลนด์
ทั้งนี้ ราคาหุ้นแอ๊ปเปิ้ลร่วงลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนก.ย. ซึ่งมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่าราคาหุ้นแอ๊ปเปิ้ลในขณะนี้เป็นราคาที่น่าดึงดูดให้เข้าซื้อ ก่อนที่บริษัทจะเปิดตัวไอโฟน 12 ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญต่างคาดการณ์ว่า แอ๊ปเปิ้ลจะเปิดตัวไอโฟน 12 ในวันที่ 13 ต.ค.
ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4 สู่ระดับ 3% จากเดิมที่ระดับ 6% หากสภาคองเกรสยังคงไม่สามารถอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่
ทั้งนี้ รายงานของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า หากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวยังคงมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการเยียวยาภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สิ่งนี้ก็จะถ่วงการใช้จ่ายของผู้บริโภคจนถึงสิ้นปีนี้
****น้ำมัน WTI ปิดลบ 6 เซนต์ วิตกแนวโน้มอุปสงค์ลด-อุปทานเพิ่ม
ข่าวต่างประเทศ Saturday September 26, 2020 06:37 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง หลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้น และหลายประเทศดำเนินมาตรการควบคุมการเดินทางอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 4.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 41.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.6% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลงเกือบ 2.9%
ยูจีน ไวน์เบิร์ก นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของคอมเมิร์ซแบงก์ รีเสิร์ชเปิดเผยว่า "จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ และการออกมาตรการควบคุมเพิ่มขึ้นในยุโรปนั้น อาจถ่วงอุปสงค์น้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำแล้วลงอีก"
ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกเป็นไปอย่างเปราะบาง โดยเฉพาะในอินเดียซึ่งเป็นประเทศนำเข้าและใช้น้ำมันมากที่สุดอันดับ 3 ของโลก
การดีดตัวขึ้นของดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้ถ่วงราคาน้ำมันลงด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นราว 1.8% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นนั้น จะลดความน่าสนใจของสัญญาน้ำมัน เนื่องจากจะทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่นๆ
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการออกมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ในยุโรป และทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และความต้องการใช้น้ำมัน
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐขณะใกล้ถึงการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.นี้เป็นปัจจัยกดดันตลาดด้วย
ส.ส.พรรคเดโมแครตได้เตรียมเสนอมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่จากผลกระทบของโรคโควิด-19 วงเงิน 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ แต่นักวิเคราะห์เตือนว่า ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.นี้
การขาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในสหรัฐทำให้นักลงทุนคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงไปจนถึงสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้กดดันตลาดด้วย โดยการผลิตน้ำมันของลิเบียเพิ่มขึ้นหลังผู้บัญชาการทหารยกเลิกการปิดกั้นท่าเรือต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา
ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ระดับ 183 แท่นในสัปดาห์นี้ โดยเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ก.ย.
****ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ 10.6 ดอลลาร์ เหตุดอลล์แข็งค่าสกัดแรงซื้อ
ข่าวต่างประเทศ Saturday September 26, 2020 07:12 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้สัญญาทองคำมีความน่าสนใจน้อยลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่นๆ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 10.6 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ 1,866.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาทองปรับตัวลง 4.9% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 10.3 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 23.093 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 842 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.70 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 2,222.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ยังคงปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายคนระบุว่า ความเห็นก่อนหน้านี้ที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ระดับ 0% ในช่วง 3 ปีข้างหน้านั้น ไม่ถูกต้อง และอัตราดอกเบี้ยอาจจะปรับตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม สัญญาทองยังคงได้แรงหนุน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด 0.4% ในเดือนส.ค. และนักวิเคราะห์ตลาดคาดว่าแนวโน้มในระยะกลางของราคาทองยังคงสดใส เนื่องจากโรคโควิด-19 แพร่ระบาดรอบสองในยุโรป และอาจเกิดขึ้นในสหรัฐเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ ความวิตกเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.นี้ มีแนวโน้มที่จะช่วยหนุนแรงซื้อทองด้วย