ผู้เขียน หัวข้อ: (เพิ่มเติม) สภาผู้ส่งออก ปรับลดคาดการณ์ส่งออกปีนี้เหลือโตต่ำกว่า 5% หลังมองศก.โลกส่งสัญญาณชะลอตัว  (อ่าน 668 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 85056
    • ดูรายละเอียด
(เพิ่มเติม) สภาผู้ส่งออก ปรับลดคาดการณ์ส่งออกปีนี้เหลือโตต่ำกว่า 5% หลังมองศก.โลกส่งสัญญาณชะลอตัว

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ปรับลดคาดการณ์การส่งออกของไทยในปีนี้ เหลือโตต่ำกว่า 5% โดยมองว่าความเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออก คือ 1. บรรยากาศการค้าโลก ทั้งกรณีการเจรจาข้อตกลงที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่ยังไม่มีความชัดเจน, ตลาดส่งออกสำคัญของไทยเจอกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ตลาดญี่ปุ่นและยุโรปยังติดลบ จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว 2. มาตรการกีดกันทางการค้าต่างๆ จากต่างประเทศ
          ทั้งนี้ ประมาณการส่งออกปี 62 ที่คาดว่าจะเติบโตได้ต่ำกว่า 5% อยู่บนสมมติฐาน ค่าเงินบาทที่ 33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (+/- 50 สต.)
           ยอมรับหมดหวังที่จะได้เห็นยอดส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากมีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดย สรท.หวังว่ารัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้ฟื้นตัว น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งออก กล่าว
          น.ส.กัณญภัค กล่าวว่า หากดูตัวเลขส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ที่กระทรวงพาณิชย์แถลงไว้ว่าขยายตัว 5.9% แต่เมื่อเจาะลึกลงไปแล้วเป็นเรื่องส่งกลับอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพสหรัฐที่มาร่วมฝึกคอบบร้าโกลด์ เมื่อหักส่วนนี้ออกไปแล้วการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์จะหดตัวติดลบมากถึง 4.9%
          สภาผู้ส่งออก ยังมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลใหม่ โดยขอให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพทางการเมือง และสนับสนุนภาคการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมองว่านโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบก้าวกระโดด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการทั้งภาคการผลิต และภาคบริการ ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาปรับขึ้นค่าแรงอย่างค่อยเป็นค่อยไป และควรพิจารณาถึงขีดความสามารถของอุตสาหกรรม และกลุ่มแรงงานที่มีทักษะที่แท้จริง
          นายชัยชาญ เจริญสุข เลขาธิการ สภาผู้ส่งออก คาดว่า ภาวะการส่งออกในเดือนมีนาคม ถ้าหักเรื่องการส่งอาวุธสงครามออกไปแล้วจะขยายตัวติดลบ 4-5% ส่งผลให้การส่งออกในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ -1 ถึง 0%
           หากจะให้การส่งออกปีนี้โต 3% การส่งออกช่วง 9 เดือนที่เหลือ (เม.ย.-ธ.ค.) จะต้องมียอดส่งออกเฉลี่ยเดือนละ  22,000 ล้านดอลลาร์ แต่ถ้าจะให้โต 5% จะต้องมียอดส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 22,800 ล้านดอลลาร์  นายชัยชาญ กล่าว
          นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธาน สภาผู้ส่งออก กล่าวว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเริ่มคลี่คลาย หลังขยายเวลาในการเจรจาออกไป ซึ่งส่งผลดีต่อการค้าในระดับหนึ่ง ส่วนปัญหาเงินบาทที่ขยับแข็งค่าในช่วงต้นปีเริ่มปรับตัวอ่อนค่าในขณะนี้ ดังนั้นสิ่งที่อยากเสนอแนะต่อรัฐบาลใหม่ ได้แก่ การจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพทางการเมือง สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ และชะลอนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบก้าวกระโดด