ผู้เขียน หัวข้อ: ทษช.ชี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ'รวยกระจุก จนกระจาย'ดีกว่าแก้ตัว  (อ่าน 497 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84883
    • ดูรายละเอียด
ทษช.ชี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ'รวยกระจุก จนกระจาย'ดีกว่าแก้ตัว

น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ คณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า การที่รัฐบาล ทั้งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ออกมาแก้ตัวกรณีที่นายบรรยง พงษ์พานิช ออกมาเปิดเผยผลสำรวจของ The Credit Suisse Global Wealth Report 2018 ว่าคนไทย 1% ถือครองความมั่นคั่ง หรือมีทรัพย์สินรวม 66.9% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ ทำให้มีความเหลื่อมล้ำสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก จากเดิมเคยได้อันดับ 3 เมื่อ 2 ปีก่อน ที่คนไทย 1% ถึงครองความมั่งคั่ง 58% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ ยิ่งสร้างความสับสนให้ประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก โดยอยากให้รัฐบาลหาวิธีการแก้ไขมากกว่าจะเป็นการแก้ตัว
          เนื่องจากช่วง 4 ปีที่ผ่านมาหากพิจารณาตามความเป็นจริงจะพบว่ารายได้เกษตรกรลดลงมากจากราคาพืชผลเกษตรที่ตกต่ำ กระทั่งปัจจุบันราคายางพารา ปาล์มน้ำมัน และมะพร้าว ฯลฯ ยังอยู่ในระดับต่ำมาก ค่าแรงขั้นต่ำของกรรมกรขึ้นน้อยมาก การค้าขายในระดับล่างและระดับกลางของธุรกิจ SME เป็นไปอย่างยากลำบากใน 4 ปีกว่าที่ผ่านมา แต่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์กลับมีการขยายตัวของกำไรสูงมาก อีกทั้งมีรายชื่ออภิมหาเศรษฐีของไทยติดอันดับร่ำรวยในการจัดอันดับเศรษฐีโลกเพิ่มขึ้นในนิตยสารระดับโลก
           ยังมีรายงานว่ามีอภิมหาเศรษฐีไทยร่ำรวยเพิ่มขึ้นเป็นแสนล้านในช่วง 4 ปีกว่านี้ แสดงถึงความร่ำรวยที่กระจุกกับกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้น แถมการเพิ่มขึ้นของรายได้ประชาชาติก็อยู่ในระดับต่ำมาโดยตลอด ยิ่งตอกย้ำว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นเข้าไปสู่กระเป๋าคนรวยเท่านั้น คนจนบางกลุ่มนอกจากรายได้ไม่เพิ่มแล้วยังมีรายได้ติดลบอีกด้วย ซึ่งอาจเรียกได้ว่า รวยกระจุก จนกระจาย  น.ส.อนุตตมา กล่าว
          น.ส.อนุตตมา กล่าวว่า ในสมัยรัฐบาลก่อนการปฏิวัติความเหลื่อมล้ำยังอยู่อันดับที่ 11 และแย่ลงมาเรื่อยๆ มาเป็นอันดับ 3 เมื่อ 2 ปีก่อน และเป็นอันดับ 1 ในปีนี้จากการคำนวณบนพื้นฐานเดียวกัน แสดงถึงแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ตลอด 4 ปี ไม่ได้ผล และต้องแก้ไขปรับปรุง หากไม่ปรับปรุงจะยิ่งเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น
           คำแก้ตัวคงไม่ช่วยอะไรได้ ดังนั้นจึงอยากเห็นแนวทางการแก้ไขที่เห็นผลจริง เป็นรูปธรรม และการแจกเงินที่เป็นอยู่คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ นอกจากนี้ยังอยากให้รัฐบาลสร้างบรรยากาศที่ดี และโปร่งใสในการเลือกตั้งที่ใกล้จะเกิดขึ้นนี้ หลังจาก การแจกเงินที่เสมือนหนึ่งอาจเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า การแบ่งเขตที่เอื้อประโยชน์ให้กับบางพรรคแล้ว  น.ส.อนุตตมา กล่าว
          ล่าสุดคือแนวคิดที่จะพิมพ์บัตรเลือกตั้งโดยไม่ใส่ชื่อผู้สมัครและโลโก้พรรค ซึ่งน่าจะสร้างความสับสนให้กับประชาชน ขนาดสหรัฐอเมริกามีเพียงไม่กี่พรรคยังมีการใส่ชื่อผู้สมัครและโลโก้พรรค เพื่อกันความสับสนให้กับผู้ลงคะแนน ซึ่งหากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม และไม่เป็นที่น่าเชื่อถือจากในประเทศและจากสายตานานาชาติแล้ว เศรษฐกิจไทยอาจจะยิ่งย่ำแย่ขึ้นไปอีกจะยิ่งทำให้ประชาชนลำบาก และไม่อยากให้รัฐบาลถูกมองว่าพยายามเอาเปรียบในทุกด้านเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง