ผู้เขียน หัวข้อ: ส่งออกรถยนต์ผวา! สหรัฐขึ้นภาษีทุบตลาด 2.6 หมื่นล้านลามอีอีซี  (อ่าน 543 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84883
    • ดูรายละเอียด
ส่งออกรถยนต์ผวา! สหรัฐขึ้นภาษีทุบตลาด 2.6 หมื่นล้านลามอีอีซี



เอกชนผวา ?ทรัมป์? สั่งขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วน กระทบตลาด 2.6 หมื่นล้าน สภาหอฯอัดมะกันทำลายการค้าเสรี ห่วงกระทบบรรยากาศลงทุนในอีอีซี กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท.ผนึกพาณิชย์-ผู้นำเข้ารับมือ ขอยกเว้นภาษี อีกด้านจับตามะกันขึ้นภาษีเหล็ก ผู้ผลิตเอเชียแห่ขายตัดราคา
 จากที่สหรัฐอเมริกา ได้เปิดสงครามการค้าขึ้นอีกระลอก โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯอยู่ระหว่างการไต่สวนเพื่อขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนนำเข้าจากต่างประเทศ ตามมาตรา 232 ของกฎหมาย Trade Expansion Act ปี 1962 โดยให้เหตุผลสินค้านำเข้าคุกคามให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ และล่าสุดยังมีการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้า 25% และอะลูมิเนียม 10% จากแคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (อียู) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 นั้น


นายบัณฑูร  วงศ์สีลโชติ รองประธานคณะกรรมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยกับ ?ฐานเศรษฐกิจ? ว่า  กรณีหากสหรัฐฯ มีการขึ้นภาษีสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วน ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก  เนื่องจากสหรัฐฯเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกสำคัญของไทย โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2558-2560) ไทยมีการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบไปสหรัฐฯ มูลค่า 22,678, 31,058  และ 26,729 ตามลำดับ (สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 6 ของไทยไปสหรัฐฯ ส่วนสินค้า 5 อันดับแรกได้แก่ เครื่องคอม พิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ยาง, อัญมณีและเครื่องประดับ, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป)




?หากสินค้ารถยนต์ถูกขึ้นภาษีไทยจะมีปัญหาการส่งออกลดลง และลดการผลิต  นอกจากนี้ บริษัทต่างชาติที่จะมาลงทุนในอีอีซี (ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก) อาจเปลี่ยนใจไม่มา  เพราะการค้าเสรีกำลังเสื่อมลงไปจากนโยบายของทรัมป์ที่กีดกันการค้า?
 
 ส่วนกรณีที่สหรัฐฯได้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็ก และอะลูมิเนียมจากทั่วโลก (มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.61)  กระทบกับไทยโดยตรงไม่มากเนื่องจากมูลค่าส่งออกเหล็กของไทยไปสหรัฐฯอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท  แต่ผลกระทบทางอ้อมจะเกิดจากการขายตัดราคาเหล็กเพื่อทุ่มตลาดของผู้ผลิตส่งออกรายใหญ่ เนื่องจากมีการประเมินว่า อาจทำให้เหล็กล้นตลาดส่งออกไปสหรัฐฯไม่ได้ประมาณ 27 ล้านตัน ประเทศที่อาจตัดราคาขายเหล็กเพื่อทุ่มตลาดส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เวียดนาม และ อินเดีย และคาดว่า มาตรการขึ้นภาษีนี้จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเหล็กในวงกว้าง
 
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีสหรัฐฯ อยู่ระหว่างไต่สวนและศึกษาผลกระทบก่อนเสนอประธานาธิบดีพิจารณาตัดสินการขึ้นภาษียานยนต์และชิ้นส่วนนำเข้าจากต่างประเทศนี้ ล่าสุดกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้มีการหารือกับเอกชนในกลุ่มสินค้าดังกล่าวของไทยเพื่อเตรียมการรับมือต่อการใช้มาตรการของสหรัฐฯ ในเบื้องต้นระบุจะใช้แนวทางเดียวกับการขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ คือการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อยกเว้นการขึ้นภาษีรายประเทศ และให้เอกชนหารือกับคู่ค้าหรือผู้นำเข้าสหรัฐฯอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ยื่นเรื่องต่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในการขอยกเว้นภาษีนำเข้าเป็นรายสินค้า
 
 

สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์
 
 ด้านนายสุรพงษ์  ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า  มูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯส่วนใหญ่เป็นการส่งออกชิ้นส่วนมากกว่าเป็นรถยนต์ ช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ไทยส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนไปสหรัฐฯสัดส่วนเพียง 2.9% ของการส่งออกในภาพรวม คิดเป็นมูลค่า 8,641 ล้านบาท (ตลาดอันดับ 1 คือออสเตรเลีย สัดส่วน 23%)
 
 ?แม้ไทยจะส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนไปสหรัฐฯไม่มาก แต่หากถูกขึ้นภาษีนำเข้าอาจมีผลทำให้ยอดส่งออกลดลง มองว่าการเตรียมขึ้นภาษีของสหรัฐฯในครั้งนี้คงมุ่งเป้าไปยังเม็กซิโกมากกว่า เพราะผู้ผลิตรถยนต์บิ๊กทรีของสหรัฐฯ รวมถึงค่ายรถยนต์จากทั่วโลกก็ไปลงทุนในเม็กซิโกเพื่อผลิตและส่งจำหน่ายในสหรัฐฯภายใต้สิทธิประโยชน์ของนาฟต้าภาษี 0% ขณะที่สินค้ารถยนต์จากประเทศอื่นๆ ปัจจุบันสหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้าในส่วนของรถยนต์นั่งที่ 2.5% และรถบรรทุก 25%?
 
 หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,372 วันที่ 7-9 มิถุนายน 2561