ผู้เขียน หัวข้อ: ชาวสวนยางภาคใต้เดือดร้อนราคาตกต่อเนื่อง จี้รัฐบาล-กยท.ล้างระบบแก้ปัญหาแบบเก่า  (อ่าน 608 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84444
    • ดูรายละเอียด
ชาวสวนยางภาคใต้เดือดร้อนราคาตกต่อเนื่อง จี้รัฐบาล-กยท.ล้างระบบแก้ปัญหาแบบเก่า


เผยแพร่: 10 พ.ย. 2560 11:44:00   โดย: MGR Online

ตรัง - ชาวสวนยางหลายพื้นที่ภาคใต้เดือดร้อนหนัก หลังราคายางตกลงอย่างต่อเนื่อง ด้านอดีต ส.ส.ปชป.จี้รัฐบาล และ กยท.เร่งเข้ามาล้างระบบการแก้ปัญหาแบบเก่าๆ พร้อมเดินหน้าเอาจริงเอาจังเสียที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ราคายางพาราตกต่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 40-42 บาท จนทำให้เกษตรกรชาวสวนยางในภาคใต้ได้รับความเดือดร้อน และหลายพื้นที่เตรียมการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา หรือหามาตรการให้ความช่วยเหลือนั้น นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีการฝากคำถามถึงประชาชน 6 ข้อ ตนเองขอตอบแทนพี่น้องประชาชนแค่ข้อเดียวคือ ข้อ 3 ที่ถามว่า สิ่งที่ คสช. และรัฐบาลนี้ดำเนินการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมองเห็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติบ้างหรือไม่





โดยตนขอตอบว่า มองไม่เห็นอนาคต เห็นแต่ความมืดมน เพราะในช่วงรัฐบาลนี้ ยางพาราตกต่ำตลอด จนเป็นวลีติดปากชาวบ้านว่า 3 โล 100 ที่สำคัญคือ รัฐบาลไม่สนใจเท่าที่ควรต่อปัญหายางพารา ซึ่งจะเห็นได้จากโครงการทั้งหลายที่ประกาศว่า จะนำยางมาใช้ในประเทศ กลับล้มเหลวทุกอย่าง และวันนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นแบบไม่น่าเกิดขึ้น ก็คือการที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ทำในสิ่งที่แผลงที่สุด ด้วยการจับมือกับ 5 เสือบริษัทส่งออกยางพารา ตั้งบริษัทร่วมทุนยางพารา จำกัด เพื่อค้ายางทั้งในและต่างประเทศ พร้อมคุยว่าทำไปเพื่อจะเขย่าราคาตลาดโลก ท่ามกลางความงุนงงของชาวสวนยางทั้งประเทศ

แต่วันนี้ผลปรากฏออกมาแล้วว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นั่นคือ 1.ไม่สามารถทำให้ยางพาราราคาสูงขึ้นได้ แต่กลับลดลงเรื่อยๆ 2.ที่คุยว่าจะเขย่าตลาดโลก โดยเข้าไปค้าขายในตลาดล่วงหน้า ปรากฏว่าทำไม่ได้ 3.ท้ายที่สุดก็กลับมาใช้วิธีเดิม ซึ่งล้มเหลวมาแล้วทุกครั้ง แต่รัฐบาลไม่เคยจดจำ นั่นคือไปประมูลซื้อในตลาดกลางยางพาราในราคานำตลาด แต่ผลคือซื้อมาแล้วขายไม่ออก เพราะขายเมื่อใดก็ขาดทุน เลยกองไว้จนล้นตลาดกลางยางพารา จนทำให้ตลาดกลางหลายจังหวัดต้องหยุดการซื้อขาย เพราะไม่มีที่จะเก็บยาง ทำให้เกษตรกรต้องจำนำยางไปขายให้บริษัทเอกชน และมีโอกาสถูกกดราคาสูง





ส่วนที่ตนเองบอกว่า การยางแห่งประเทศไทยทำแผลง และอาจสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย ก็คือการที่นำเงินของประเทศไปร่วมทุนกับบริษัทเอกชนเพียง 5 บริษัท โดยไม่เปิดโอกาสให้บริษัทส่งออกอื่นๆ อีกนับร้อยบริษัทเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งเป็นการไม่ยุติธรรม และที่แย่กว่านั้นคือ พวกตนที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.การยาง หวังว่าการยางแห่งประเทศไทย จะเป็นองค์กรใหญ่ของประเทศที่มีศักดิ์ศรี แต่ กยท.ยุคนี้กลับทำตัวกิ๊กก๊อก และยอมเป็นเบี้ยล่างของบริษัทเอกชน ก่อนหน้านี้ตนเองเคยเสนอให้ กยท. ตั้งบริษัทค้าขายยางพารา ตามมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.การยาง แต่ไม่ใช่วิธีการตั้งบริษัทแบบไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้

ดังนั้น วันนี้ตนจึงขอเสนอดังนี้คือ 1.ให้รัฐบาลควักเงิน 1,000 ล้านบาท จ่ายคืนให้บริษัททั้ง 5 เสือ เพื่อให้ถอนหุ้นออกไป แล้ว กยท.เดินหน้าตั้งบริษัทไปตามลำพัง พร้อมหามือดีๆ มาบริหาร และซื้อขายยางในราคายุติธรรม เพื่อกันไม่ให้บริษัทเอกชนกดราคาซื้อยางพาราโดยไม่ยุติธรรมต่อชาวสวนยาง 2.รัฐบาลดำเนินนโยบายใช้ยางในประเทศให้จริงจังต่อไปในทุกวิถีทางที่ทำได้ 3.รัฐบาลต้องรับผิดชอบ และสนใจปัญหายางพารามากกว่านี้ ไม่ใช่ให้เป็นหน้าที่ของ กยท.ฝ่ายเดียว